
ปัญหาร่องใต้ตาลึกที่ทำให้ใบหน้าดูโทรมและแก่กว่าวัย คงเป็นเรื่องกังวลใจของใครหลายคน จนทำให้ต้องค้นหาวิธีรักษาร่องใต้ตาลึกแบบธรรมชาติมาลองทำตาม แต่เคยสงสัยไหมคะว่าวิธีเหล่านั้นได้ผลจริงแค่ไหน บทความนี้จะพาทุกคนไปเจาะลึกถึงสาเหตุของปัญหานี้ พร้อมเปรียบเทียบข้อดีข้อจำกัดของวิธีธรรมชาติ และแนะนำแนวทางการดูแลใต้ตาแบบองค์รวมเพื่อให้ดวงตากลับมาสดใสอีกครั้งค่ะ
ร่องใต้ตาลึกคืออะไร?
ร่องใต้ตาลึก (Tear Trough) คือ ลักษณะของผิวหนังบริเวณใต้ตาที่ยุบตัวลงเป็นร่องหรือเส้นลึก ตั้งแต่บริเวณหัวตาไล่เฉียงลงมายังโหนกแก้ม ซึ่งเกิดจากการยุบตัวของกระดูกใต้ตาหรือการฝ่อตัวของไขมันบริเวณนั้น ทำให้เกิดเป็นเงาใต้ตาที่ชัดเจน แม้จะไม่ได้มีสีคล้ำ แต่เงาดังกล่าวก็ทำให้ใต้ตาดูดำคล้ำและไม่สดใสได้
ส่งผลต่อภาพรวมใบหน้าอย่างไร?
ร่องใต้ตาลึกเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของใบหน้าโดยตรง เพราะเป็นจุดที่สังเกตเห็นได้ง่ายที่สุดเมื่อมองหน้ากัน ผลกระทบหลักๆ ได้แก่:
- ใบหน้าดูเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย แม้ว่าจะพักผ่อนอย่างเต็มที่ แต่ร่องลึกและเงาดำใต้ตาก็ทำให้ใบหน้าดูเหมือนคนนอนน้อยหรืออ่อนเพลียอยู่ตลอดเวลา
- ใบหน้าดูแก่กว่าวัย การยุบตัวของผิวบริเวณใต้ตาเป็นหนึ่งในสัญญาณของวัยที่เพิ่มขึ้น ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูมีอายุมากกว่าความเป็นจริง
- แต่งหน้าปกปิดได้ยาก การพยายามใช้คอนซีลเลอร์เพื่อปกปิดร่องลึก มักทำให้เนื้อผลิตภัณฑ์ตกร่องและยิ่งเน้นให้เห็นร่องลึกชัดเจนขึ้นไปอีก
เช็กสาเหตุ ทำไมใต้ตาถึงลึกโหล ไม่สดใส
การจะแก้ไขปัญหาร่องใต้ตาลึกให้ตรงจุดนั้น จำเป็นต้องเข้าใจถึงต้นตอของปัญหาก่อน ซึ่งสาเหตุหลักๆ สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ใต้ตาของเราดูไม่สดใสเหมือนเดิม
สาเหตุจากกรรมพันธุ์และโครงสร้างใบหน้า
สำหรับบางคน ปัญหาร่องใต้ตาลึกมีมาตั้งแต่เกิดหรือเริ่มเห็นชัดตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากโครงสร้างกระดูกเบ้าตาที่ลึกกว่าปกติ หรือการมีไขมันบริเวณใต้ตาน้อยมาตั้งแต่ต้น ปัจจัยเหล่านี้ถูกกำหนดโดยพันธุกรรม ทำให้มีลักษณะ เบ้าตาลึก และเกิดเป็นร่องใต้ตาได้ง่ายกว่าคนทั่วไปเป็นสาเหตุที่ทำให้วิธีธรรมชาติอาจไม่สามารถแก้ไขได้
สาเหตุจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน
พฤติกรรมบางอย่างในชีวิตประจำวันก็เป็นตัวกระตุ้นให้ร่องใต้ตาลึกชัดเจนขึ้นได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น:
- การพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก เกิดการคั่งของเลือดในหลอดเลือดฝอยใต้ตา ทำให้ใต้ตาคล้ำและบวมขึ้น ร่องจึงดูชัดกว่าเดิม
- โรคภูมิแพ้ อาการคันตาทำให้เราต้องขยี้ตาบ่อยๆ ซึ่งเป็นการทำร้ายผิวที่บอบบางและกระตุ้นให้เกิดการอักเสบและรอยคล้ำ นอกจากนี้ อาการภูมิแพ้ยังทำให้เกิดภาวะ ใต้ตาบวม ซึ่งเมื่ออาการบวมลดลง ก็อาจทำให้ร่องลึกดูชัดขึ้นได้
- การดื่มน้ำน้อยและสูบบุหรี่ ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้นและทำลายคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ส่งผลให้ผิวบางลงและยุบตัวได้ง่าย
สาเหตุจากอายุที่เพิ่มขึ้น
เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินได้น้อยลง ทำให้ผิวหนังทั่วร่างกายรวมถึงบริเวณใต้ตาที่บอบบางอยู่แล้วยิ่งบางและขาดความยืดหยุ่น นอกจากนี้ กระดูกบริเวณใต้ตาจะเริ่มยุบตัวลง ประกอบกับการที่ไขมันใต้ตาฝ่อตัวและเคลื่อนที่ต่ำลง ทำให้โครงสร้างที่เคยพยุงผิวไว้หายไป เกิดเป็นร่องลึกที่ชัดเจนขึ้นตามวัย
วิธีกับรักษาร่องใต้ตาลึกแบบธรรมชาติ
หลายคนมักเริ่มต้นด้วยการค้นหาวิธีรักษาร่องใต้ตาลึกแบบธรรมชาติ เพราะเชื่อว่าเป็นวิธีที่ปลอดภัยและง่ายที่สุด แต่สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าวิธีเหล่านี้ช่วยได้ในระดับใด และมีข้อจำกัดอะไรบ้าง
การประคบเย็นด้วยแตงกวาหรือถุงชา ช่วยได้จริงแค่ไหน
ความเย็นจากการประคบด้วยแตงกวาฝานบางๆ หรือถุงชาที่ใช้แล้วและนำไปแช่เย็น จะช่วยให้หลอดเลือดบริเวณใต้ตาหดตัวลงชั่วคราว จึงสามารถลดอาการบวมและรอยคล้ำจากการไหลเวียนเลือดที่ไม่ดีได้ดี แต่ความเย็นไม่สามารถเข้าไปเติมเต็มปริมาตรผิวที่ยุบตัวลงไปได้ ดังนั้น วิธีนี้จึงช่วยให้ใต้ตาดูสดชื่นขึ้นได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น แต่ไม่สามารถทำให้ร่องลึกตื้นขึ้นอย่างถาวร
นวดกดจุดรอบดวงตา ช่วยให้ร่องลึกตื้นขึ้นได้หรือไม่
การนวดเบาๆ รอบดวงตา สามารถช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลืองได้ดี ทำให้ลดอาการบวมและความหมองคล้ำได้ แต่การนวดไม่สามารถสร้างไขมันหรือกระดูกขึ้นมาใหม่เพื่อเติมเต็มร่องลึกได้เช่นกัน สิ่งที่ต้องระวังคือ หากนวดแรงเกินไปหรือผิดวิธี อาจกลายเป็นการรบกวนผิวที่บอบบางและก่อให้เกิดริ้วรอยเพิ่มขึ้นได้
ข้อจำกัดของวิธีธรรมชาติที่ไม่สามารถแก้ไขได้
หัวใจสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจคือ วิธีรักษาร่องใต้ตาลึกแบบธรรมชาติทั้งหมดนั้นเน้นไปที่การ “บำรุงและบรรเทา” อาการที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมเป็นหลัก เช่น ลดบวม ลดคล้ำ แต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างที่เกิดจากกรรมพันธุ์, การยุบตัวของกระดูก หรือการสูญเสียไขมันอย่างถาวรตามวัยได้ ดังนั้น การคาดหวังว่าร่องลึกจะหายไปสนิทด้วยวิธีธรรมชาติจึงเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้
เผยเคล็ดลับดูแลใต้ตาแบบองค์รวม ให้กลับมาสดใสอีกครั้ง
แม้ว่าวิธีธรรมชาติจะมีข้อจำกัด แต่การดูแลตัวเองแบบองค์รวมก็ยังเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยชะลอและป้องกันไม่ให้ปัญหารุนแรงขึ้น ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญที่ทุกคนควรทำควบคู่กันไป
การเลือกใช้สกินแคร์สำหรับรอบดวงตา
การลงทุนกับอายครีมดีๆ สักตัวคือสิ่งจำเป็น ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมซึ่งช่วยแก้ปัญหาผิวรอบดวงตาโดยเฉพาะ เช่น
- Hyaluronic Acid ช่วยเติมความชุ่มชื้น ทำให้ผิวใต้ตาที่แห้งดูฟูและอิ่มน้ำขึ้น
- Peptides กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว
- Retinol (ชนิดอ่อนโยน) ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวและสร้างคอลลาเจน ลดเลือนริ้วรอยเล็กๆ
- Vitamin C เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้ผิวกระจ่างใสและลดความหมองคล้ำ
ปรับพฤติกรรมการกินและการนอน
การดูแลจากภายในเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ควรดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว เพื่อให้ผิวชุ่มชื้นอยู่เสมอ รับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น ผักผลไม้หลากสี และที่สำคัญคือการนอนหลับพักผ่อนให้มีคุณภาพอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน โดยอาจใช้หมอนที่สูงขึ้นเล็กน้อยเพื่อลดการคั่งของของเหลวจนเกิดอาการ ใต้ตาบวม ในตอนเช้า
การปกป้องผิวรอบดวงตาจากแสงแดด
รังสียูวีจากแสงแดดคือตัวการสำคัญที่ทำลายคอลลาเจนและทำให้ผิวบางลง การทาครีมกันแดดจึงไม่ใช่แค่สำหรับใบหน้า แต่ควรทาบริเวณรอบดวงตาอย่างสม่ำเสมอ โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนสำหรับผิวรอบดวงตาโดยเฉพาะ หรือสวมแว่นกันแดดเป็นประจำเพื่อปกป้องผิวที่บอบบางจากรังสียูวี
เมื่อวิธีธรรมชาติเอาไม่อยู่ ควรทำอย่างไร
สำหรับผู้ที่ปัญหาร่องใต้ตาลึกเกิดจากโครงสร้างหรือการเปลี่ยนแปลงตามวัยอย่างชัดเจน ซึ่งการดูแลตัวเองและวิธีรักษาร่องใต้ตาลึกแบบธรรมชาติให้ผลลัพธ์ไม่เพียงพอ การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด
รู้จักหัตถการทางการแพทย์เพื่อเป็นทางเลือก
ปัจจุบันมีนวัตกรรมทางการแพทย์มากมายที่สามารถแก้ไขปัญหาร่องใต้ตาลึกได้อย่างตรงจุดและเห็นผลลัพธ์ชัดเจน โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะประเมินและเลือกวิธีที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
- การฉีดฟิลเลอร์ (Filler) เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดยแพทย์จะใช้สารเติมเต็มกลุ่ม Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งมีความปลอดภัยสูง ฉีดเข้าไปเติมเต็มบริเวณร่องลึก ทำให้ผิวบริเวณนั้นกลับมาเรียบเนียนและดูอิ่มฟูขึ้นทันที ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
- การฉีดไขมันตัวเอง (Fat Grafting) เป็นการดูดไขมันจากส่วนอื่นของร่างกาย เช่น หน้าท้องหรือต้นขา นำมาปั่นคัดแยกเซลล์ไขมันที่มีคุณภาพ แล้วฉีดกลับเข้าไปเติมเต็มบริเวณร่องใต้ตา เป็นวิธีที่ให้ผลลัพธ์ถาวรและดูเป็นธรรมชาติโดยไม่มีสารปลอมแปลงชนิดอื่น เป็นเซลล์จากร่างกายตัวเอง (เพื่อโชว์ว่ามันเป็นเซลล์จากตัวเองและเป็นธรรมชาติไม่มีสารปลอมแปลงไม่มีโอกาสเสี่ยง)
- ศัลยกรรมถุงใต้ตา (Lower Blepharoplasty) ในกรณีที่มีถุงใต้ตาที่นูนเด่นร่วมกับร่องลึก การทำศัลยกรรมตัดถุงใต้ตาหรือการจัดเรียงไขมันใต้ตาใหม่ จะช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินและเกลี่ยไขมันให้เรียบเนียนไปกับร่องลึก ทำให้ใต้ตาดูเรียบตึงและอ่อนเยาว์ขึ้น
สรุปบทความ
การค้นหาวิธีรักษาร่องใต้ตาลึกแบบธรรมชาตินั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการดูแลตัวเอง ซึ่งสามารถช่วยบรรเทาปัญหาความหมองคล้ำและอาการบวมได้ แต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาร่องลึกที่เกิดจากโครงสร้างหรือการสูญเสียปริมาตรได้ การดูแลผิวแบบองค์รวมทั้งการใช้สกินแคร์ การปรับพฤติกรรม และการป้องกันแสงแดดจึงเป็นสิ่งสำคัญ
หากปัญหาร่องใต้ตาลึกยังคงกวนใจและส่งผลต่อความมั่นใจ การปรึกษาแพทย์คือทางออกที่ดีที่สุด หากใครมีปัญหาร่องใต้ตาลึก ใบหน้าดูเหนื่อยล้า ไม่สดใส BEAMS Plastic Surgery พร้อมดูแลทุกปัญหาบนใบหน้าของคุณ โดย หมอบีม และทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมตกแต่งใบหน้า สามารถเข้ามาปรึกษาเพื่อประเมินแนวทางแก้ไขและวางแผนผลลัพธ์ที่เหมาะสมร่วมกัน สอบถามกับหมอบีม Facial Expert ผ่านช่องทางต่าง ๆ มาได้เลยค่ะ