เคยรู้สึกไหมว่าใบหน้าดูเศร้าหมอง ทั้งที่ในใจก็ไม่ได้ทุกข์อะไร?
ปัญหาอาจไม่ได้อยู่ที่อารมณ์ แต่อยู่ที่ “หางตาตก” ซึ่งหลายคนไม่รู้ตัว!
ถ้าคุณกำลังเจอกับปัญหาหางตาตก รู้สึกว่าตาไม่สดใส ดูเหนื่อยตลอดเวลา หรือรู้สึกว่าอายุมากขึ้นเพราะหนังตาดูหย่อนคล้อย บทความนี้อาจช่วยตอบคำถามที่คาใจคุณได้ครับ
เพราะจริง ๆ แล้ว “หางตาตก” ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของความงามอย่างเดียว แต่ยังเกี่ยวข้องกับโครงสร้างของผิว กล้ามเนื้อ และความเปลี่ยนแปลงตามวัย ซึ่งบางครั้งก็อาจส่งผลต่อบุคลิกภาพ หรือแม้แต่ความมั่นใจของเรา
วันนี้หมอจะมาเล่าให้ฟังครับ ว่าหางตาตกคืออะไร? เกิดจากอะไร? และมีวิธีไหนบ้างที่สามารถยกหางตาให้ดูสดใสขึ้นได้ โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ไม่ต้องพักฟื้นนาน และให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะ Endotine เทคนิค “EndoScopic Brow lift ส่องกล้องยกคิ้ว” และ Invisible Lock ซึ่งหมอใช้ในการยกคิ้วให้กับคนไข้หลายเคสที่ BEAMS Plastic Surgery และเห็นผลชัดเจน พร้อมอธิบายทุกแง่มุมทั้งด้านวิชาการและประสบการณ์จริง เพื่อให้คุณตัดสินใจได้ดีที่สุด ถ้าคุณกำลังมองหาวิธีที่ “ทำน้อยแต่ได้มาก” “เบาแต่ได้ผล” บทความนี้เหมาะกับคุณแน่นอนครับ
หางตาตกคืออะไร? ทำไมหลายคนมองข้าม
ภาพประกอบการโฆษณาเท่านั้น
คนไข้หลายคนมักจะถามหมอเวลามาปรึกษาเรื่องใบหน้าไม่สดใส ดูเหนื่อยล้าโดยไม่รู้สาเหตุ ทั้งที่นอนครบ อารมณ์ดี ไม่ได้เครียดอะไร แต่ภาพสะท้อนในกระจกกลับดูเหมือนไม่มีความสุขอยู่ตลอดเวลา
คำตอบอยู่ที่ “หางตาตก” ครับ
หางตาตก คือ ภาวะที่บริเวณหางตาและคิ้วด้านนอกเริ่มลู่ลงตามแรงโน้มถ่วง หรือเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของกล้ามเนื้อและผิวหนังเมื่ออายุมากขึ้น ส่งผลให้ใบหน้าดูเศร้า เหนื่อยล้า หรือดูไม่สดใสแม้ในขณะที่เรารู้สึกดีอยู่ก็ตาม
ที่น่าสนใจคือ คนจำนวนมากมักเข้าใจผิดว่าเป็นเพราะ “ริ้วรอย” อย่างเดียว เช่น ตีนกา หรือรอยย่นบริเวณหน้าผาก แต่ในความเป็นจริงแล้ว ริ้วรอยมักเป็น “ผลลัพธ์” จากภาวะหางตาตก ไม่ใช่สาเหตุเสมอไป
สาเหตุที่ทำให้หางตาตกแบบที่คนไม่เคยรู้
นอกจากอายุที่มากขึ้น ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อภาวะหางตาตก โดยที่หลายคนไม่รู้ตัวเลยว่าเป็นต้นเหตุ เช่น
1. การทำพฤติกรรมซ้ำ ๆ เช่น ขมวดคิ้ว มองจอมือถือหรือคอมพิวเตอร์ตลอดทั้งวันโดยไม่พักสายตา
2. การฉีดโบท็อกซ์ผิดตำแหน่ง ทำให้กล้ามเนื้อบางมัดอ่อนแรงเกินไป และคิ้วตกลงมาได้
3. พันธุกรรม คนที่มีโครงหน้าแบบคิ้วต่ำหรือหนังตาหนา มีแนวโน้มเกิดหางตาตกได้เร็วกว่า
4. การใช้กล้ามเนื้อชดเชยผิดจุด เมื่อหางตาเริ่มตก เรามักจะเกร็งหน้าผากขึ้นโดยไม่รู้ตัว ทำให้เกิดริ้วรอยหน้าผากเพิ่ม
5. การลดน้ำหนักเร็วเกินไป ทำให้ไขมันบริเวณขมับและใบหน้าหายไป หน้าดูโทรม และหางตาดูตก
หมอขอยกตัวอย่างเคสกรณีศึกษา คนไข้ที่อายุเพียง 28 ปีก็สามารถหางตาตกได้อย่างชัดเจน เพียงเพราะฉีดโบท็อกซ์บ่อยครั้งจนกล้ามเนื้ออ่อนแรง จึงไม่สามารถดึงคิ้วขึ้นได้อีกต่อไปก็มีครับ ซึ่งนี่คือสิ่งที่หลายคนมองข้าม
หางตาตกส่งผลอะไรบ้าง?
หางตาตกไม่ได้มีผลกระทบแค่ความสวยงามเท่านั้น แต่ยังมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันอีกหลายด้าน เช่น
1. ใบหน้าดูเศร้า ดูเหนื่อย หรือไม่สดใส
เนื่องด้วยหางตาที่ตกลงมา ทำให้ดวงตาดูอ่อนแรงได้โดยไม่รู้ตัว
2. ใบหน้าดูแก่ก่อนวัย
หางตาตก มักมาคู่กับหนังตาหย่อน ทำให้ใบหน้าดูอิดโรย เหมือนไม่ได้พักผ่อน
3. แต่งหน้ายากโดยเฉพาะหางตา
เวลากรีดอายไลเนอร์ หรือ ทาอายชาโดว์มักจะทำให้ถูกบดบัง เนื่องจากทำให้แต่งตาได้ไม่ชัด
4. มุมมองการมองเห็นด้านข้างแคบลง
ในบางกรณี การที่หางตาตก อาจจะทำให้ไปรบกวนการมองเห็นด้านข้าง ทำให้รู้สึกมองไม่ถนัด หรือรู้สึกไม่มั่นใจ
5. เกิดอาการล้าจากกล้ามเนื้อรอบดวงตา
บางเคสเมื่อหางตาตก ก็จะพยายามยกคิ้วเเปิดตาให้กว้างขึ้น จะทำให้เกิดการเกร็ง และปวดหัว ปวดตา รวมถึงการตึงคิ้วตลอดเวลา
6. การเกิดตาแห้ง หรือทำให้น้ำตาไหลง่าย
หางตาตก อาจทำให้ไปรบกวนโครงสร้างของเปลือกตา ทำให้การพริบตาไม่สนิท หรือไม่พอดี จนทำให้ตาแห้งหรือน้ำตาไหลออกมาได้ไม่รู้ตัว
โครงสร้างของรอบดวงตามีอะไรบ้าง?
บริเวณรอบดวงตาเป็นหนึ่งในโซนที่ซับซ้อนที่สุดของใบหน้า เพราะประกอบไปด้วยหลายชั้น ทั้งผิวหนัง กล้ามเนื้อ ไขมัน และเนื้อเยื่อพยุงโครงสร้าง ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนมีผลต่อการเกิด “หางตาตก” อย่างมาก
กล้ามเนื้อหลักที่เกี่ยวข้อง มี 3 ข้อดังนี้
1. Frontalis กล้ามเนื้อหน้าผาก : ตัวช่วยยกคิ้ว แต่ทำไมกลายเป็นตัวสร้างริ้วรอย?
กล้ามเนื้อ Frontalis คือกล้ามเนื้อหลักที่ช่วย “ยกคิ้ว” และ “เปิดตา” ให้ดูกว้าง สดใส เวลาที่เรารู้สึกตื่นเต้น ตกใจ หรือพยายามจะทำให้ดวงตาดูโตขึ้นแบบไม่รู้ตัว เรามักใช้กล้ามเนื้อมัดนี้โดยอัตโนมัติ
แต่เมื่ออายุเพิ่มขึ้น หรือเกิดภาวะคิ้วตก ไม่ว่าจะจากโครงสร้างใบหน้า หรือแรงโน้มถ่วง กล้ามเนื้อ Frontalis จะถูกใช้งานหนักขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อชดเชยการที่ “คิ้วไม่อยู่ในตำแหน่งเดิม”
ผลที่ตามมาก็คือ…
- เกิด “ริ้วรอยหน้าผาก” แม้ไม่ได้แสดงอารมณ์
- ใบหน้าดูเคร่งเครียดโดยไม่ตั้งใจ
- กล้ามเนื้อเกร็งจนรู้สึกตึงตลอดเวลา
จึงไม่น่าแปลกใจว่าหลายคนมักจะรู้สึกหน้าดูเหนื่อย ดูมีอายุ ทั้งที่ไม่ได้มีปัญหาผิวจริง ๆ แต่เป็นเพราะกล้ามเนื้อ Frontalis ทำงานหนักเกินไปจาก ปัญหาหางตาตกหรือคิ้วตก ที่ไม่เคยได้รับการแก้ไขครับ
2. Orbicularis oculi กล้ามเนื้อรอบดวงตา : เบื้องหลังตีนกาและริ้วรอยรอบดวงตาที่หลายคนไม่รู้
กล้ามเนื้อ Orbicularis oculi คือกล้ามเนื้อวงกลมที่ล้อมรอบดวงตา มีหน้าที่หลักในการขยิบตา กระพริบตา หรือยิ้ม ซึ่งแน่นอนว่าเราใช้มันทุกวันโดยไม่รู้ตัวนับหมื่นครั้งต่อวัน
โดยเฉพาะเวลาเรายิ้มแบบธรรมชาติ หางตาจะยกขึ้นเล็กน้อยเพราะกล้ามเนื้อมัดนี้
แต่ถ้าคิ้วตกหรือ หางตาตก เมื่อไหร่…
- เราจะยิ้มแล้วดูเหมือนตาตกลง
- กล้ามเนื้อ Orbicularis oculi จะหดตัวผิดสมดุล
- ทำให้เกิด “ริ้วรอยรอบดวงตา” หรือที่เรียกว่า “ตีนกา” ได้ง่ายขึ้น
ที่สำคัญคือ ต่อให้ฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอยรอบตาแค่ไหน ถ้าไม่แก้ที่สาเหตุของ “โครงสร้างหางตาตก” ปัญหาก็จะกลับมาเร็วมาก และในบางกรณี การฉีดกล้ามเนื้อมัดนี้มากเกินไป อาจยิ่งทำให้หางตาตกหนักขึ้นเพราะกล้ามเนื้ออ่อนแรงอีกด้วย
3. SMAS layer: ชั้นลึกที่พยุงใบหน้า หย่อนเมื่อไหร่ หางตาตกเมื่อนั้น
SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System) คือชั้นเนื้อเยื่อเชิงโครงสร้างที่อยู่ลึกกว่าผิวหนัง และลึกกว่ากล้ามเนื้อบางส่วน เป็นเสมือนโครงร่างที่พยุงใบหน้าเอาไว้ให้ดูมีมิติ ไม่หย่อนคล้อย
เมื่อเราอายุมากขึ้น หรือมีพฤติกรรมที่ทำให้เนื้อเยื่ออ่อนตัว เช่น แสงแดด การลดน้ำหนักเร็ว หรือการยึดโครงหน้าผิดธรรมชาติ
- ชั้น SMAS จะ ยุบตัวหรือหย่อนลง
- ส่งผลให้บริเวณ “ขมับ – หางตา – แก้มบน” เริ่มร่วง
- หางตาและหางคิ้วจะ “ลู่ลง” แบบที่เรียกว่า หางตาตก
- และมักตามมาด้วย ริ้วรอยลึก ในหลายจุด เช่น ร่องใต้ตา ร่องแก้ม
เมื่อเราอายุมากขึ้นหรือการใช้พฤติกรรมซ้ำ ๆ ทำให้กล้ามเนื้อบางมัดมากเกินไปโดยไม่รู้ตัว เช่น ขมวดคิ้ว ย่นหน้าผากบ่อย ๆ จะทำให้เกิด “ริ้วรอยถาวร” และส่งผลทางอ้อมให้หางตาตกตามไปด้วยแบบไม่รู้ตัว
การแก้ปัญหาในระดับ SMAS จึงเป็นหัวใจสำคัญของการฟื้นฟูใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์แบบลึกถึงโครงสร้าง ซึ่งการยกคิ้วด้วย Endotine เป็นเทคนิคที่สามารถเข้าไปยกในระดับนี้ได้โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่
ริ้วรอยบริเวณหางตา เกี่ยวอะไรกับภาวะหางตาตก?
คุณเคยสังเกตตัวเองในกระจก แล้วเจอทั้ง “ริ้วรอยรอบหางตา” และ “หางตาที่ดูตกลง” แต่ไม่แน่ใจว่าอันไหนคือปัญหาหลักกันแน่ไหมครับ บางคนก็เข้าใจผิดว่าเพราะมีริ้วรอย เลยทำให้ดูเหมือนหางตาตก ทั้งที่จริง ๆ แล้วสองอย่างนี้ “อาจจะเกิดร่วมกัน” แต่มีที่มาไม่เหมือนกันครับ
ริ้วรอยรอบหางตา หรือที่เราเรียกกันว่า “ตีนกา” ส่วนใหญ่จะเกิดจากกล้ามเนื้อรอบดวงตาที่หดเกร็งซ้ำ ๆ บวกกับผิวที่เริ่มบางลงตามวัย พออายุเยอะขึ้น คอลลาเจนในผิวลดลง ผิวรอบหางตาก็จะยิ่งย่นง่าย
ส่วน หางตาตก มักเกี่ยวข้องกับโครงสร้างของคิ้วและกล้ามเนื้อหน้าผากเป็นหลัก พอคิ้วเริ่มคล้อยลงตามแรงโน้มถ่วง มันจะดึงหางตาลงมาด้วย ทำให้ดวงตาดูเศร้า ดูง่วง หรือดูเหนื่อยอยู่ตลอดเวลา
แต่สิ่งที่หลายคนไม่รู้คือ พอหางตาตกลง ผิวหนังบริเวณนั้นจะพับหรือย่นมากขึ้น ทำให้ริ้วรอยแถวนั้นดูเด่นชัดขึ้นไปอีก! บางคนเลยรู้สึกว่า “ฉันมีริ้วรอยเยอะจังเลย” ทั้งที่จริง ๆ แล้วต้นเหตุหลักคือตาตกต่างหากครับ
ทำไมแค่ยกคิ้ว ก็ช่วยแก้หางตาตกได้?
ฟังดูอาจเหมือนเป็นเรื่องคนละส่วนกัน “คิ้วอยู่บน ตาอยู่ล่าง“ แต่ความจริงแล้ว “โครงสร้างของคิ้วและหางตา” มันเชื่อมโยงกันมากกว่าที่คิดครับ
เวลาคิ้วเราเริ่มคล้อยลงตามวัย โดยเฉพาะช่วง “หางคิ้ว” ที่ตกลงก่อนตรงกลางเสมอ มันจะกดทับผิวหนังบริเวณเปลือกตาด้านข้าง ทำให้ดูเหมือนหางตาตก บางคนรู้สึกว่าตาชั้นเดียวลง แต่งตายาก หรือดูเศร้าแม้ไม่ได้รู้สึกอะไร การยกคิ้วโดยเฉพาะตรงหางคิ้ว จะช่วย “ยกผิวบริเวณหางตาทั้งแถบขึ้นไปพร้อมกัน”
พอหางคิ้วสูงขึ้น หางตาก็เปิดกว้างขึ้น ตาดูโตขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ และที่สำคัญคือไม่ต้องยุ่งกับลูกตา ไม่ต้องเลาะผิวหนังเยอะ เหมือนการผ่าตัดหนังตาเลยครับ
โดยเฉพาะถ้าใช้เทคนิคการทำ Endoscopic Brow lift + Invisible Lock แบบที่หมอทำ จะยิ่งช่วยล็อคให้ผลลัพธ์อยู่นาน แถมไม่เห็นแผล เพราะซ่อนไว้ในไรผมแบบเนียน ๆ
สรุปคือ ยกคิ้ว ยกหางตา = หน้าไม่เศร้า ดูสดใสขึ้นได้แบบไม่ต้องผ่าตัดใหญ่เลยครับ!
Case Study: คุณแอม อายุ 36 ปี ใบหน้าสดใส อ่อนเยาว์ และได้ความมั่นใจกลับคืนมา
“ก่อนทำ แอมรู้สึกกังวลกับปัญหาหางคิ้วและหางตาที่ตกลงมา ทำให้ใบหน้าดูดุและไม่สดใส แถมคิ้วกับตายังอยู่ชิดกันจนเกินไป ทุกครั้งที่ปล่อยผมแอมจะรู้สึกไม่มั่นใจเลยค่ะ ทำให้แอมจำเป็นต้องคอยรวบผมตึง เพื่อให้ใบหน้าดูยกขึ้นอยู่เสมอค่ะ
แอมเลยตัดสินใจทำหัตถการส่องกล้องยกคิ้ว Endoscopic-Brow Lift ซึ่งเป็นการยกกระชับผิวบริเวณคิ้วและหน้าผาก ช่วยขยายพื้นที่ระหว่างคิ้วและชั้นตาให้กว้างขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้คือ ใบหน้าดูสดใส อ่อนเยาว์ คิ้วยกกระชับ และที่สำคัญที่สุดคือ ตอนนี้ทำให้แอมกลับมามีความมั่นใจอีกครั้งค่ะ”
🔹 ปัญหาเดิม: คิ้วตก หางตาตก คิ้วชิดตา ทำให้หน้าดุไม่สดใส
🔹 เทคนิคที่ใช้: Endoscopic-Brow Lift เทคนิคซ่อนแผล “Invisible Lock”
🔹 ระยะพักฟื้น: เร็ว
🔹 ผลลัพธ์: ใบหน้าดูสดใส อ่อนเยาว์ คิ้วยกกระชับขึ้น อย่างเห็นได้ชัด
เทคนิคการใช้ Endotine : การยกหางตาที่ล้ำกว่าโบท็อกซ์และ HIFU
ในบรรดาวิธีแก้ปัญหา “หางตาตก” แบบไม่ผ่าตัดใหญ่ เทคนิคนึงที่หมออยากแนะนำที่สุดก็คือ Endoscopic-Brow Lift ส่องกล้องยกคิ้ว เพราะเป็นเทคนิคที่ทันสมัย ปลอดภัย และให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติแบบไม่ต้องกังวลเรื่องแผล
ภาพประกอบการโฆษณาเท่านั้น
วิธีแก้ หางตาตก แบบไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ด้วยเทคนิค Endoscopic-Brow Lift ส่องกล้องยกคิ้ว
เทคนิคที่หมอใช้แก้ปัญหา หางตาตก ที่ได้ผล คือการให้ Endotine ร่วมกับการส่องกล้องแบบแผลเล็ก
Endotine คืออะไร?
Endotine คือวัสดุทางการแพทย์ที่ช่วยยึดพยุงกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อที่หย่อนคล้อย ให้กลับมาอยู่ในตำแหน่งที่ควรจะเป็น โดยจะฝังไว้ในชั้นใต้ผิวหนังบริเวณแนวไรผม เพื่อใช้เป็นจุดยึดและพยุงตำแหน่งของคิ้วให้ยกขึ้น โดยสลายได้เองตามธรรมชาติ
เทคนิคนี้จะทำร่วมกับการส่องกล้อง Endoscopic ที่มีความคมชัด ระดับ 4K ผ่านแผลเล็กมาก (เพียงประมาณ 1-2 ซม.) ที่ซ่อนอยู่ในแนวไรผม ทำให้มองไม่เห็นแผลจากภายนอกเลย หลังทำสามารถฟื้นตัวได้เร็วและไม่ทิ้งรอยแผลเป็นในอนาคต หัตถการยกกล้องส่องคิ้ว เป็นหัตถการที่ทำน้อยแต่ได้มาก
ข้อดีของการยกคิ้วด้วย Endotine
- แผลเล็ก และอยู่ในตำแหน่งที่มองไม่เห็น เช่น บริเวณแนวไรผม แทบมองไม่เห็น
- ไม่ต้องเปิดแผลใหญ่ เหมือนการผ่าตัดยกคิ้วแบบดั้งเดิม
- ยกได้ลึกถึงชั้น SMAS ไม่ใช่แค่ผิวเผิน
- ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ ไม่ตึงหรือแข็งเหมือนการดึงหน้าทั่วไป
- วัสดุสลายตัวได้เอง ภายใน 6-12 เดือน ไม่ทิ้งสารตกค้าง
เทคนิคนี้เหมาะมากสำหรับคนที่มีปัญหาเฉพาะจุด เช่น หางตาตก คิ้วตก หน้าเศร้า และอยากได้ผลลัพธ์ที่สวยแบบเป็นธรรมชาติ
ซึ่งสิ่งที่หลายคนไม่เคยรู้ก็คือ เทคนิคนี้ต้องอาศัยความชำนาญและเครื่องมือเฉพาะทาง ซึ่งหากทำโดยศัลยแพทย์เฉพาะทางและมีประสบการณ์ด้าน Endoscopic Brow Lift ถึงจะให้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยสูง
ข้อเสียของการยกคิ้วด้วย Endotine
การยกคิ้วด้วย Endotine (Endo Brow lift) ถือเป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมอย่างมากในยุคนี้ เพราะช่วยแก้ปัญหา คิ้วตก, หางตาตก, หรือใบหน้าที่ดู ตาเศร้า ให้กลับมาสดใสและอ่อนเยาว์มากขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ แต่ก่อนตัดสินใจทำศัลยกรรมใด ๆ ก็ควรทราบข้อมูลให้ครบถ้วน รวมถึง “ข้อควรรู้” หรือข้อจำกัดบางอย่างของเทคนิคนี้ เพื่อเตรียมตัวได้อย่างเหมาะสม และรับมือได้อย่างมั่นใจ
1. อาการตึงหรือชาชั่วคราวบริเวณหน้าผาก
ภายหลังจากทำ Endo Brow lift บางคนอาจรู้สึกตึงหรือชาบริเวณหน้าผากได้บ้างในช่วง 2-4 สัปดาห์แรก ซึ่งเป็นอาการปกติจากการยกเนื้อเยื่อและการทำงานใกล้เส้นประสาทบริเวณหน้าผาก แต่โดยทั่วไปอาการเหล่านี้จะค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ และหายได้เองโดยไม่ต้องใช้ยา
2. ผลลัพธ์ไม่ได้อยู่ถาวร 100%
วัสดุ Endotine เป็นวัสดุยึดเนื้อเยื่อที่ถูกออกแบบมาให้ย่อยสลายได้เองในร่างกายภายในประมาณ 6-12 เดือน ดังนั้นในระยะยาว คิ้วที่ยกขึ้นอาจมีการเคลื่อนตัวเล็กน้อยตามแรงโน้มถ่วง เมื่อมีอายุที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหา คิ้วตก หรือ หางตาตก มากในตอนแรก แต่ศัลยแพทย์ตกแต่งเฉพาะทาง ที่ BEAMS Plastic Surgery จะมีการประเมินความหย่อนคล้อยเฉพาะบุคคล และวางตำแหน่งการยกให้เหมาะสม เพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานและเป็นธรรมชาติมากที่สุด
3. แผลเป็นหรือผมร่วงบริเวณแนวผ่าตัด
แม้ว่าการซ่อนแผลไว้บริเวณไรผมจะช่วยให้มองไม่เห็นชัดเจน แต่ในบางรายอาจมีอาการผมร่วงหรือเกิดแผลแข็งในช่วงแรกได้ อย่างไรก็ตาม เทคนิคเฉพาะทางอย่าง Invisible Lock ที่ BEAMS Plastic Surgery ใช้ร่วมกับ Endo Brow lift จะช่วยลดปัญหาเหล่านี้ได้ดีมาก ด้วยเทคนิคซ่อนแผล Invisible Lock จะช่วยให้แผลหายเรียบ แนบไปกับไรผม และลดโอกาสเกิดรอยแผลนูน คีลอยด์ หรือผมร่วง ผมบาง หัวล้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. การบวมช้ำและช่วงฟื้นตัวที่แตกต่างกัน
หลังทำ Endo Brow lift ผู้เข้ารับการรักษาอาจพบรอยช้ำหรืออาการบวมได้บ้าง ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ แต่ระดับอาการจะต่างกันไปในแต่ละคน บางคนอาจหายไวภายในไม่กี่วัน บางคนอาจใช้เวลาสัก 1-2 สัปดาห์
5. ค่าใช้จ่ายสูงกว่าวิธีอื่น
เมื่อเทียบกับการร้อยไหมหรือการฉีดโบท็อกซ์ การทำ Endo Brow lift มีค่าใช้จ่ายสูงกว่า เนื่องจากใช้วัสดุพิเศษที่ปลอดภัยต่อร่างกาย และต้องทำโดยศัลยแพทย์เฉพาะทางในห้องผ่าตัดมาตรฐาน ซึ่งถือเป็นการลงทุนระยะยาวเพื่อผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ แต่หากมองในระยะยาว การทำ Endo Brow lift ไม่ต้องเติมบ่อย ๆ เหมือนโบท็อกซ์หรือร้อยไหม อาจประหยัดกว่าถ้ามองในภาพรวมค่ะ
การยกคิ้วด้วย Endotine (Endo Brow lift) เป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพในการแก้ปัญหา คิ้วตก, หางตาตก และใบหน้าที่ดู ตาเศร้า ให้ดูสดใสและเป็นธรรมชาติ แต่เช่นเดียวกับทุกหัตถการ ความเข้าใจในข้อจำกัดหรือผลข้างเคียงเล็กน้อยที่อาจเกิดขึ้นจะช่วยให้คุณเตรียมตัวได้ดี และมีประสบการณ์การรักษาที่ราบรื่นยิ่งขึ้น
หากคุณกำลังมองหาทางเลือกที่ได้ผลจริงและปลอดภัย แนะนำให้ปรึกษาศัลยแพทย์เฉพาะทาง เพื่อประเมินรูปหน้าและวางแผนการยกคิ้วอย่างเหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ [คลิกที่นี่]
Invisible Lock : เทคนิคลับที่ช่วยให้แผลหายเนียนเหมือนไม่เคยมี
ภาพประกอบการโฆษณาเท่านั้น
Invisible Lock คือเทคนิคการซ่อนแผลแบบเฉพาะที่ BEAMS Plastic Surgery เท่านั้น
โดยหมอบีม Facial Expert เป็นผู้คิดค้นและพัฒนา ที่เน้นการเข้าใจคนไข้เป็นหลัก สำหรับคนที่อยากทำสวยแต่ไม่อยากมีแผล โดยการเย็บแผลด้วยเทคนิคละเอียดระดับสูง ทำให้แม้แต่คนที่ไว้ผมสั้นหรือมัดผมเปิดหน้าผากก็ยังไม่เห็นรอยแผล
จุดเด่น:
- เย็บ “ตามแนวไรผม” ทำให้แนวผมขึ้นใหม่กลืนกับรอยเย็บ
- ผลลัพธ์ดูไม่ฝืน ไม่หลอกตา ไม่โป๊ะ และดูเป็นธรรมชาติ
- ดูสวยขึ้นแบบที่คนอื่นไม่รู้ว่าทำอะไรมา
- เทคนิคการปิดแผลที่ลดแรงดึงจากรอบข้าง ทำให้ลดโอกาสเกิดแผลเป็นได้
บางที่อาจทำได้เพียงแค่ซ่อนแผล แต่ไม่สามารถ “ล็อค” ตำแหน่งได้แม่นยำ ทำให้ผลลัพธ์ดูไม่เป๊ะ
เทคนิค Invisible Lock ที่ BEAMS Plastic Surgery นี้จึงมีความสำคัญอย่างมากหากคุณต้องการผลลัพธ์ที่ดูธรรมชาติอย่างลงตัว
แม้จะเป็นแผลขนาดเล็ก แต่ถ้าไม่มีเทคนิคที่ดี อาจเกิดแผลนูนหรือคีลอยด์ได้ และมีโอกาสทำให้ผมร่วงเฉพาะจุด หรือผมไม่ขึ้นได้ เทคนิค Invisible Lock นี้จะช่วยให้คุณมั่นใจ แม้รวบผม เปิดหน้าผาก ก็ยังดูเรียบเนียน และผมไม่ร่วง แถมขึ้นได้ตามธรรมชาติอีกด้วย
บทสรุปหางตาตกเป็นยังไง สาเหตุ และทางออกสำหรับคนมีภาวะหางตาตกแบบไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ที่ BEAMS Plastic Surgery
“หางตาตก” อาจดูเป็นปัญหาเล็ก ๆ แต่ในความเป็นจริงแล้วส่งผลมากกว่าที่คิด ทั้งบุคลิก ความมั่นใจและภาพลักษณ์เป็นอย่างมาก เมื่อใบหน้าที่ดูเศร้า เหนื่อยล้า หรือไม่สดใส อาจทำให้เราเสียโอกาสโดยไม่รู้ตัว
แต่ปัจจุบัน ที่ BEAMS Plastic Surgery มีทางออกที่ไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ไม่ต้องเจ็บตัวเยอะ ด้วยเทคโนโลยีอย่าง Endotine ส่องกล้องยกคิ้ว และเทคนิคพิเศษ Invisible Lock ได้เข้ามาช่วยให้ คุณสามารถยกคิ้ว ยกหางตา แก้ปัญหาได้อย่างปลอดภัย แผลเล็ก ฟื้นตัวเร็ว และผลลัพธ์เป็นธรรมชาติมากที่สุด
หากคุณกำลังลังเลหรือสงสัยว่า “นี่เรามีภาวะหางตาตกแล้วหรือยัง?” แนะนำให้ลองสังเกตตัวเองหรือมองใบหน้าตัวเองอย่างตั้งใจ ถ้าเริ่มรู้สึกว่าใบหน้าดูเหนื่อยล้าโดยไม่มีสาเหตุ นั่นอาจเป็นเวลาที่เหมาะสมในการเข้ามาปรึกษาหมอผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินหาทางแก้ไขที่ตรงจุด ปลอดภัย และมั่นใจในผลลัพธ์ครับ
BEAMS Plastic Surgery ศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าเฉพาะทาง พร้อมดูแลทุกปัญหาเพื่อช่วยให้คุณกลับมามีความมั่นใจในตัวเองได้อีกครั้ง หากต้องการสอบถามคุณสามารถติดต่อ BEAMS Plastic Surgery ได้ทุกช่องทางเลยนะครับ
FAQ คำถามยอดฮิตที่คนอยากยกคิ้ว-หางตาตกมักถาม
Q: ยกคิ้วกับยกหางตาเหมือนกันไหม?
A: ไม่เหมือนกันค่ะ ยกคิ้วคือการยกทั้งแนวคิ้ว ส่วนยกหางตาเน้นเฉพาะบริเวณด้านนอกของคิ้วและหางตา โดย Endotine สามารถทำแบบเฉพาะจุดได้
Q: ทำไมฉีดโบท็อกซ์แล้วยังดูตาตกอยู่?
A: โบท็อกซ์ช่วยคลายกล้ามเนื้อ ไม่ได้ยกเนื้อเยื่อที่หย่อนคล้อย ถ้าหางตาตกจากชั้นลึกต้องใช้เทคนิคอย่าง Endotine แก้
Q: ทำ Endoscopic Brow Lift แล้วจะทำให้ผมร่วง” หรือ “แผลตรงไรผมจะทำให้ผมไม่ขึ้นอีกหรือเปล่า?”
A: ถ้าทำโดยเทคนิคไม่ดี หรือไม่ระวังพอมีโอกาสทำให้ผมร่วงเฉพาะจุด หรือผมไม่ขึ้นได้จริง
แต่! มันไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย และ สามารถหลีกเลี่ยงได้ด้วยเทคนิคและประสบการณ์ของแพทย์ ครับ
Q: หางตาตกต้องผ่าตัดเท่านั้นไหม?
A: ไม่จำเป็นเสมอไปครับ จริง ๆ แล้วหางตาตกหลายกรณีสามารถแก้ไขได้โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ เช่น ที่ BEAMS Plastic Surge การยกคิ้วด้วยเทคนิคส่องกล้องร่วมกับ Endotine และเทคนิค Invisible Lock ที่ช่วยยกคิ้วให้สูงขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ลดแรงถ่วงที่กดลงมาบริเวณหางตา พอคิ้วยกขึ้น หางตาก็จะดูสดใสและอ่อนเยาว์ขึ้นได้ โดยไม่ต้องตัดหนังตาหรือเย็บแผลยาวแบบการผ่าตัดใหญ่เลยครับ
Q: ยกคิ้วแล้วจะดูไม่ธรรมชาติหรือเปล่า?
A: เป็นคำถามยอดฮิตเลยครับ หลายคนกังวลว่ายกคิ้วแล้วจะดูตกใจ ดูไม่เหมือนตัวเอง แต่ถ้าใช้เทคนิคที่เหมาะสม อย่างการยกคิ้วแบบ Endotine + Invisible Lock ที่ BEAMS Plastic Surge เราได้วางแนวการยกตามแนวธรรมชาติของโครงหน้า ผลลัพธ์ที่ได้จะดูละมุน ไม่แข็ง ไม่ลอย และที่สำคัญคือไม่มีรอยแผลให้เห็นด้านนอกด้วยครับ
Q: เทคนิค Endotine กับการดึงหน้า ต่างกันยังไง?
A: Endotine คือเทคนิคที่ใช้กับบริเวณหน้าส่วนบน เช่น การยกคิ้วหรือหน้าผาก ใช้วัสดุยึดเนื้อเยื่อชั้นลึกให้ยกขึ้นผ่านการส่องกล้อง แผลเล็กและซ่อนอยู่ในไรผม ส่วนการดึงหน้าแบบดั้งเดิม (Facelift) จะใช้กับบริเวณแก้ม กราม หรือคอ และมักมีแผลยาวบริเวณขมับหรือหลังใบหู พูดง่าย ๆ คือ Endotine เน้นยกส่วนบน แผลเล็ก ดูธรรมชาติ, ส่วน ดึงหน้าเน้นยกส่วนล่าง เหมาะกับคนที่มีผิวหย่อนมาก ๆ ครับ
Q: ทำ Endoscopic Brow Lift เจ็บไหม? พักฟื้นนานไหม?
A: เจ็บน้อยมาก เพราะเป็นการส่องกล้อง ทำให้แผลมีขนาดเล็ก หลังทำ 3-5 วันสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
Q: ทำ Endoscopic Brow Lift ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน?
A: อยู่ได้นานหลายปี โดยประมาณ 5-10 ปี เพราะเป็นการยกโครงสร้างจากชั้นลึก ไม่ใช่แค่ผิวเผิน