ตาปลิ้น (Ectropion) คืออะไร อันตรายไหม รักษาอย่างไรให้ถูกต้อง

ภาวะตาปลิ้น (Ectropion) คืออะไร

ภาพประกอบการโฆษณาเท่านั้น

เลือกอ่านหัวข้อที่น่าสนใจ

ปัญหาตาปลิ้นโดยเฉพาะหลังการทำตาสองชั้นอาจทำให้หลายคนสูญเสียความมั่นใจ และกังวลว่าอาการนี้ผิดปกติหรือเป็นอันตรายหรือไม่ ภาวะตาปลิ้นไม่เพียงส่งผลต่อความสวยงาม แต่ยังอาจกระทบต่อสุขภาพดวงตา วันนี้หมอได้รวบรวมข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับภาวะตาปลิ้นตั้งแต่สาเหตุ อาการ ผลกระทบ และแนวทางการรักษาที่ถูกต้อง เพื่อให้คุณเข้าใจและรับมือกับปัญหานี้ได้อย่างเหมาะสมค่ะ

อาการตาปลิ้นคืออะไร

อาการตาปลิ้น (Ectropion) คือ ภาวะที่ขอบเปลือกตาล่างแบะออกด้านนอก ทำให้เยื่อบุตาด้านในสัมผัสกับสภาพแวดล้อมภายนอกโดยตรง ภาวะนี้แตกต่างจากภาวะเปลือกตาม้วนเข้า (Entropion) ที่ขอบเปลือกตาม้วนเข้าด้านในทิ่มกระจกตา การเกิดตาปลิ้นส่งผลให้เห็นเนื้อเยื่อบุตาด้านในเป็นสีแดงๆ และไม่สามารถปิดตาได้สนิท ทำให้เกิดอาการระคายเคืองตา ตาแห้ง น้ำตาไหลง่าย และอาจนำไปสู่ปัญหาอื่นๆ ตามมาได้

สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดตาปลิ้น

มีหลายปัจจัยที่สามารถทำให้เกิดภาวะตาปลิ้นได้ค่ะ ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะหลังการทำศัลยกรรมเสมอไป การทำความเข้าใจถึงสาเหตุจะช่วยให้เราป้องกันหรือเลือกวิธีการรักษาได้อย่างถูกต้อง โดยสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้เกิดตาปลิ้นที่พบได้บ่อย มีดังนี้

ความหย่อนคล้อยของเปลือกตาตามวัย

เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของการเกิดตาปลิ้นเมื่ออายุมากขึ้น กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นที่พยุงเปลือกตาล่างจะอ่อนแอลงและหย่อนยาน ทำให้เปลือกตาไม่สามารถคงรูปเดิมได้ ส่งผลให้ขอบเปลือกตาล่างแบะออก เกิดเป็นภาวะนี้ได้

แผลเป็นที่ดึงรั้งเปลือกตา

เกิดจากแผลเป็นบริเวณผิวหนังเปลือกตา ซึ่งอาจเป็นผลจากการผ่าตัดเปลือกตา เช่น การทำตาสองชั้นแล้วเกิดปัญหาทำให้เกิดตาปลิ้นหรือผ่าตัดถุงใต้ตาที่ตัดผิวหนังออกมากเกินไป อุบัติเหตุ ไฟไหม้ หรือโรคผิวหนังบางชนิด เมื่อเกิดแผลเป็น ผิวหนังจะหดรั้งและดึงให้เปลือกตาล่างปลิ้นออก บางครั้งอาจทำให้เกิดลักษณะตาหอยแครงซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของอาการนี้ได้

กล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรง 

หากเส้นประสาทที่ควบคุมกล้ามเนื้อในการปิดตา (Cranial Nerve VII) ได้รับความเสียหาย เช่น จากโรค Bell’s palsy อุบัติเหตุ หรือเนื้องอก จะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณเปลือกตาอ่อนแรง ไม่สามารถปิดตาได้สนิท และเกิดภาวะตาปลิ้นตามมา

เนื้องอกบริเวณเปลือกตา

ก้อนเนื้องอกที่เปลือกตา ทั้งชนิดที่ไม่ร้ายแรงและร้ายแรง สามารถดันให้ขอบเปลือกตาปลิ้นออกด้านนอกได้ ทำให้เกิดอาการตาปลิ้น

ปัจจัยตั้งแต่กำเนิด

เป็นกรณีที่พบได้น้อยมาก โดยเด็กอาจมีภาวะตาปลิ้นมาตั้งแต่เกิด ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับความผิดปกติทางพันธุกรรมบางอย่าง เช่น กลุ่มอาการดาวน์ (Down syndrome) และส่งผลให้มีอาการเปลือกตาปลิ้นตั้งแต่วัยเยาว์

อาการตาปลิ้นอันตรายไหม


ภาพประกอบการโฆษณาเท่านั้น

อาการตาปลิ้นอันตรายไหมมีผลกระทบอย่างไร

หลายคนสงสัยว่าอาการตาปลิ้นนั้นอันตรายหรือไม่ คำตอบคือหากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี ภาวะนี้สามารถนำไปสู่ปัญหาที่กระทบต่อดวงตาและการใช้ชีวิตประจำวันได้ ดังนั้น การทำความเข้าใจผลกระทบของตาปลิ้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่

อาการระคายเคืองตาเรื้อรัง

เนื่องจากเปลือกตาปลิ้นออก ทำให้เยื่อบุตาแดงๆ สัมผัสกับอากาศและสิ่งสกปรกตลอดเวลา ทำให้เกิดอาการตาแดง แสบตา รู้สึกเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมในตา และอาจมีขี้ตามากกว่าปกติ ซึ่งเป็นลักษณะของคนที่เผชิญปัญหาตาปลิ้น

ตาแห้ง

การที่เปลือกตาแบะออกในภาวะตาปลิ้นทำให้การกระจายตัวของน้ำตาบนผิวดวงตาไม่ดีเท่าที่ควร และน้ำตาก็ระเหยออกไปได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้เกิดภาวะตาแห้ง ซึ่งจะยิ่งทำให้อาการระคายเคืองแย่ลง

น้ำตาไหลง่าย

แม้จะดูขัดแย้งกับอาการตาแห้ง แต่เมื่อเกิดตาปลิ้น ท่อน้ำตาอาจไม่อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมในการระบายน้ำตาตามปกติ ประกอบกับอาการระคายเคืองที่กระตุ้นการผลิตน้ำตามากขึ้น ทำให้น้ำตาไหลเอ่อล้นออกมาได้ง่าย

การอักเสบและติดเชื้อที่ดวงตา

เมื่อดวงตาไม่ได้รับการปกป้องจากเปลือกตาอย่างเต็มที่เนื่องจากภาวะตาปลิ้นและมีอาการตาแห้งร่วมด้วย จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดเยื่อบุตาอักเสบ (Conjunctivitis) และกระจกตาอักเสบ (Keratitis) ได้ง่ายขึ้น

ปัญหาด้านการมองเห็น

ในกรณีที่ตาปลิ้นรุนแรงและเรื้อรัง จนเกิดภาวะกระจกตาอักเสบหรือเป็นแผลที่กระจกตา อาจส่งผลกระทบต่อการมองเห็น ทำให้ตามัว หรือมองเห็นไม่ชัดเจนได้

ผลกระทบด้านความสวยงามและความมั่นใจ

ลักษณะของตาปลิ้นที่เห็นเนื้อเยื่อบุตาสีแดง อาจทำให้เสียบุคลิกภาพและลดความมั่นใจในการเข้าสังคมได้ โดยเฉพาะหากเกิดอาการนี้หลังจากการทำศัลยกรรมตาสองชั้นยิ่งทำให้เกิดความกังวลมากขึ้น

วิธีการรักษาอาการตาปลิ้นที่ถูกต้อง

การรักษาภาวะตาปลิ้นนั้นมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการ สิ่งสำคัญคือการได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้องจากจักษุแพทย์หรือศัลยแพทย์ตกแต่งเฉพาะทาง เพื่อวางแผนการรักษาตาปลิ้นที่เหมาะสมที่สุด โดยแนวทางการรักษามีดังนี้

การรักษาเบื้องต้นเพื่อบรรเทาอาการ

  • การใช้น้ำตาเทียม ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตา ลดอาการตาแห้งและระคายเคืองที่เกิดจากตาปลิ้น
  • การใช้ยาป้ายตา ขี้ผึ้งป้ายตาก่อนนอนจะช่วยรักษาความชุ่มชื้นของกระจกตาในขณะหลับ เนื่องจากผู้ที่มีภาวะตาปลิ้นมักจะหลับตาไม่สนิท
  • การปิดตา ในบางกรณี แพทย์อาจแนะนำให้ใช้เทปทางการแพทย์ดึงเปลือกตาล่างให้เข้าที่ชั่วคราว หรือใช้ที่ครอบตา (eye shield) เวลานอน เพื่อป้องกันกระจกตาแห้ง

การผ่าตัดแก้ไขภาวะตาปลิ้น (Surgical Repair)

เป็นวิธีการรักษาหลักที่ให้ผลลัพธ์ถาวรสำหรับตาปลิ้นเทคนิคการผ่าตัดจะแตกต่างกันไปตามสาเหตุของอาการ

  • กรณีตาปลิ้นเกิดจากความหย่อนคล้อยตามวัย ศัลยแพทย์อาจทำการผ่าตัดเพื่อกระชับกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นของเปลือกตาล่าง (Lateral Tarsal Strip Procedure) หรือตัดผิวหนังเปลือกตาส่วนเกินออกเล็กน้อย เพื่อให้เปลือกตากลับเข้าที่และปิดได้สนิท แก้ไขปัญหาตาปลิ้น
  • กรณีตาปลิ้นเกิดจากแผลเป็นดึงรั้ง หากอาการตาปลิ้นเกิดจากแผลเป็นจากการผ่าตัดตาสองชั้นหรืออุบัติเหตุ ศัลยแพทย์อาจต้องทำการผ่าตัดคลายแผลเป็น (Scar Revision) และอาจจำเป็นต้องปลูกถ่ายผิวหนัง (Skin Graft) หรือใช้เนื้อเยื่อสังเคราะห์เพื่อทดแทนผิวหนังส่วนที่ขาดหายไป เพื่อให้เปลือกตากลับคืนสู่ตำแหน่งปกติและแก้ไขภาวะนี้
  • กรณีเกิดจากกล้ามเนื้ออ่อนแรง อาจต้องใช้วิธีการผ่าตัดที่ซับซ้อนขึ้น เช่น การทำ Tarsorrhaphy หรือการใช้วัสดุพยุงเปลือกตาเพื่อรักษาตาปลิ้น
  • กรณีเกิดจากเนื้องอก ต้องทำการผ่าตัดเพื่อนำเนื้องอกออกก่อน แล้วจึงพิจารณาผ่าตัดแก้ไขเปลือกตาตามความเหมาะสมเพื่อจัดการกับตาปลิ้น

การดูแลหลังการผ่าตัดแก้ไขตาปลิ้น

การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดเป็นสิ่งสำคัญ เช่น การใช้ยา การประคบเย็น และการนัดติดตามผล เพื่อให้แผลหายดีและลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังการรักษา หากกำลังมองหาคลินิกทำตาที่เชี่ยวชาญการแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวกับดวงตาและควรปรึกษาแพทย์ที่มีความชำนาญแบบเฉพาะทาง

การป้องกันตาปลิ้นสามารถทำได้หรือไม่

การป้องกันภาวะตาปลิ้นอาจไม่สามารถทำได้ในทุกกรณี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดจากความเสื่อมตามวัยหรือปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น อุบัติเหตุ อย่างไรก็ตาม มีบางวิธีที่อาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะนี้ได้ เช่น การดูแลสุขภาพดวงตาโดยรวม การหลีกเลี่ยงการขยี้ตาแรงๆ 

หากต้องเข้ารับการผ่าตัดบริเวณเปลือกตา เช่น การทำตาสองชั้นควรเลือกศัลยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์สูงจากคลินิกทำตาที่น่าเชื่อถือ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดแผลเป็นที่ดึงรั้งเปลือกตาซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาตาปลิ้น

สรุปภาวะตาปลิ้น (Ectropion)


ภาพประกอบการโฆษณาเท่านั้น

สรุปบทความ

ภาวะตาปลิ้น (Ectropion) เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบทั้งด้านสุขภาพดวงตาและความสวยงาม การทำความเข้าใจถึงสาเหตุ อาการ และวิธีการรักษาที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง หากคุณหรือคนใกล้ชิดกำลังประสบปัญหาตาปลิ้นหรือมีความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพดวงตาหลังทำศัลยกรรม อยากแก้ไขตาสองชั้น และมองหาทางแก้ไขอาการนี้ BEAMS plastic surgery พร้อมดูแลทุกปัญหาด้วยความใส่ใจ โดยหมอบีม และทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมตกแต่งใบหน้า สามารถเข้ามาปรึกษาเพื่อแนวทางการแก้ไขตาปลิ้นและผลลัพธ์ที่ดีที่สุดร่วมกัน สอบถามกับหมอบีม Facial Expert ผ่านช่องทางต่างๆ ของคลินิกได้เลยนะคะ

บทความโดย : พญ.คุณาภรณ์ ตั้งธนะวัฒน์ (หมอบีม)

ศัลยแพทย์ตกแต่งใบหน้าเฉพาะทาง

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

กรอกข้อมูล ให้เราติดต่อกลับ

Becoming Your Best Self

เข้าใจทุกความกังวลและปัญหาผิวพรรณของคุณ
ด้วยการรักษาที่ออกแบบเฉพาะบุคคล