
ภาพประกอบการโฆษณาเท่านั้น
การยกหางตาเป็นเทคนิคที่ช่วยแก้ปัญหาหนังตาตกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยปรับให้ใบหน้าดูสดใส ลดอายุ และดูอ่อนเยาว์มากขึ้น สำหรับผู้ที่กำลังประสบปัญหาหางตาตก วันนี้หมอขอพาทุกท่านมาทำความเข้าใจกับเทคนิคการยกหางตา วิธีการรักษา และเทคนิคต่าง ๆ ที่จะช่วยให้ดวงตาของคุณกลับมาสดใส มีชีวิตชีวา พร้อมดึงดูดสายตามากกว่าเดิม
หางตาตกคืออะไร
หางตาตก (Ptosis) คือ ภาวะที่บริเวณหางตาหรือมุมตาด้านนอกมีลักษณะตกลง ทำให้ดวงตาดูเศร้า อ่อนล้า และดูมีอายุมากขึ้น ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยเมื่ออายุมากขึ้น เนื่องจากผิวหนังและกล้ามเนื้อเริ่มหย่อนคล้อย ขาดความกระชับ โดยอาการหางตาตกสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
หางตาตกจากเปลือกตาหย่อน
หางตาตกประเภทนี้เกิดจากผิวหนังบริเวณเปลือกตาเกิดความหย่อนคล้อย ขาดความยืดหยุ่น ทำให้ผิวหนังบริเวณหางตาดูตก เหี่ยวย่น มีรอยเหี่ยวย่นบริเวณหางตามากขึ้น ส่งผลให้ดวงตาดูอ่อนล้า ไม่สดใส และทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าอายุจริง
หางตาตกจากกล้ามเนื้อเปลือกตา
ภาวะหางตาตกชนิดนี้เกิดจากความอ่อนแอของกล้ามเนื้อยกเปลือกตาหรือกล้ามเนื้อบริเวณหางตา ทำให้ขาดการทำงานในการยกตาและรักษาตำแหน่งของเปลือกตาให้อยู่ในระดับปกติ กล้ามเนื้อที่อ่อนแรงนี้ส่งผลให้เปลือกตาตกลงมา ทำให้หางตาดูตกและปิดบางส่วนของดวงตา
หางตาตกเกิดจากอะไร
ภาวะหางตาตกสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งจากปัจจัยภายในร่างกายและปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออายุมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงของผิวหนังและกล้ามเนื้อจะเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น ทำให้เกิดอาการหางตาตกได้ง่าย สาเหตุหลัก ๆ ได้แก่:
- อายุที่เพิ่มขึ้น เมื่ออายุมากขึ้น คอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนังลดลง ทำให้ผิวหนังขาดความยืดหยุ่น เกิดการหย่อนคล้อย กล้ามเนื้อบริเวณหางตาจึงอ่อนแรงลง ส่งผลให้เกิดการตกของหางตา โดยมักเริ่มสังเกตเห็นได้ตั้งแต่อายุ 30 ปีขึ้นไป
- พันธุกรรม บางคนมีแนวโน้มทางพันธุกรรมที่ทำให้เกิดหางตาตกได้ง่ายกว่าคนอื่น หากในครอบครัวมีประวัติปัญหาหางตาตกหรือเปลือกตาหย่อนคล้อย คุณอาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหานี้ได้มากกว่าคนทั่วไป
- การสูญเสียไขมันใต้ผิวหนัง เมื่ออายุมากขึ้น ชั้นไขมันใต้ผิวหนังบริเวณหางตาจะลดลง ทำให้ผิวหนังบางลงและขาดแรงพยุง ส่งผลให้หางตาเกิดการหย่อนคล้อยและตกลงได้ง่าย
- แสงแดดและมลภาวะ การสัมผัสแสงแดดและมลภาวะเป็นประจำโดยไม่มีการป้องกันที่เหมาะสม สามารถเร่งการเสื่อมของผิวหนังและกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดริ้วรอยและการหย่อนคล้อยบริเวณหางตาได้เร็วขึ้น
ลักษณะของอาการหางตาตกเป็นยังไง
ลักษณะของหางตาตกที่สังเกตได้ชัดเจนคือ มุมตาด้านนอกจะมีลักษณะตกลง ทำให้ดวงตาดูเศร้า อ่อนล้า หรือดูง่วงนอนตลอดเวลา บริเวณหางตาอาจมีรอยเหี่ยวย่นหรือรอยตีนกาที่ชัดเจนขึ้นเมื่อแสดงสีหน้า โดยเฉพาะเวลายิ้มหรือหัวเราะ อาจสังเกตเห็นว่าขอบตาบนบริเวณหางตาจะยื่นปิดดวงตามากกว่าปกติ ทำให้ดวงตาดูเล็กลงและทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าอายุจริง ในบางรายที่มีอาการรุนแรง อาจส่งผลกระทบต่อการมองเห็นด้านข้างได้

ภาพประกอบการโฆษณาเท่านั้น
การยกหางตา แก้หางตาตกรักษายังไง
การรักษาหางตาตกมีหลากหลายวิธี ตั้งแต่วิธีที่ไม่ต้องผ่าตัดไปจนถึงการผ่าตัด ซึ่งการเลือกวิธีการรักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของปัญหา สภาพผิวและโครงสร้างใบหน้าของแต่ละบุคคล รวมถึงผลลัพธ์ที่ต้องการ วิธีการรักษาที่นิยมในปัจจุบันมีดังนี้
การฉีดสารคลายกล้ามเนื้อ
การรักษาด้วยการฉีดสารคลายกล้ามเนื้อ เช่น โบท็อก เป็นวิธีที่นิยมในการยกหางตาแบบไม่ต้องผ่าตัด โดยการฉีดสารนี้จะช่วยคลายกล้ามเนื้อที่ดึงหางตาลง และเสริมการทำงานของกล้ามเนื้อที่ช่วยยกหางตาให้ดูสดใส ผลลัพธ์จะเห็นได้ภายใน 3-7 วันหลังการรักษา แต่จะอยู่ได้ประมาณ 3-6 เดือนเท่านั้น จึงต้องทำการรักษาซ้ำเพื่อรักษาผลลัพธ์
การยกหางตา Foxy Eyes
เทคนิค Foxy Eyes เป็นการยกหางตาด้วยการใช้เทคนิคการส่องกล้อง เพื่อยกกระชับบริเวณหางตาและคิ้วให้ดูสูงขึ้น ทำให้ดวงตาดูเฉี่ยวคมมากขึ้น ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นาน 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและวัสดุที่ใช้ วิธีนี้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัดแต่ต้องการผลลัพธ์ที่อยู่ได้นาน
เทคนิคส่องกล้องยกคิ้ว (Endo-Brow Lift)
เทคนิค Endo-Brow Lift เป็นการผ่าตัดยกหางตาและคิ้วด้วยการส่องกล้อง โดยแพทย์จะสอดกล้องผ่านรอยแผลเล็ก ๆ บริเวณเส้นผม เพื่อเข้าไปปรับกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อที่อยู่ใต้ผิวหนัง ทำให้สามารถยกคิ้วและหางตาได้อย่างเป็นธรรมชาติ เทคนิคนี้มีแผลผ่าตัดที่เล็กและซ่อนได้ ช่วยลดเวลาพักฟื้น และผลลัพธ์จะอยู่ได้ค่อนข้างถาวร
การผ่าตัดแก้หนังตาตก (Subbrow Lift)
การผ่าตัด Subbrow Lift เป็นวิธีการยกหางตาที่ช่วยแก้ไขปัญหาหนังตาตกได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยแพทย์จะทำการผ่าตัดผ่านแนวคิ้วด้านล่าง ตัดเนื้อเยื่อส่วนเกินออก แล้วยกและตรึงเนื้อเยื่อใหม่ให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหนังตาบนหย่อนคล้อยมาก โดยแผลผ่าตัดจะซ่อนอยู่ในแนวคิ้ว ทำให้แทบสังเกตไม่เห็น
เทคนิค Foxy Eyes, Endo-Brow Lift และ Subbrow Lift ต่างกันอย่างไร
เทคนิคการยกหางตาทั้งสามวิธีมีความแตกต่างกันทั้งในแง่ของความรุนแรงของการรักษา ระยะเวลาการพักฟื้น และความคงทนของผลลัพธ์ Foxy Eyes เป็นเทคนิคที่มีความรุนแรงน้อยที่สุด ใช้การเย็บด้วยเส้นใยพิเศษโดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหางตาตกเล็กน้อยถึงปานกลาง และต้องการการพักฟื้นที่รวดเร็ว แต่ผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 1-2 ปีเท่านั้น
ส่วน Endo-Brow Lift เป็นการผ่าตัดที่มีความรุนแรงปานกลาง ใช้เทคนิคการส่องกล้องเพื่อลดขนาดแผลผ่าตัด เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาคิ้วตกและหางตาตกในระดับปานกลาง ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานกว่า Foxy Eyes ในขณะที่ Subbrow Lift เป็นการผ่าตัดที่มีความรุนแรงมากที่สุดในสามวิธีนี้ แต่ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและถาวรที่สุด เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหนังตาตกมาก หรือมีผิวหนังหย่อนคล้อยมาก การเลือกเทคนิคจึงขึ้นอยู่กับความรุนแรงของปัญหาและความต้องการของแต่ละบุคคล
สำหรับการยกหางตาทั้ง 3 แบบ มีการใช้เทคนิค Invisible lock ซึ่งเป็นการเย็บซ่อนรอยแผลขนาดเล็กไว้ในไรผม ลิขสิทธิ์เฉพาะของ BEAMS plastic surgery ให้รอบดวงตาดูสวยกระชับและมั่นใจแบบไร้รอยแผลเป็น

ภาพประกอบการโฆษณาเท่านั้น
สรุปเกี่ยวกับการยกหางตา แก้หางตาตก
การยกหางตาเป็นวิธีการที่ช่วยแก้ไขปัญหาหางตาตกได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีให้เลือกหลากหลายเทคนิคตั้งแต่วิธีที่ไม่ต้องผ่าตัดไปจนถึงการผ่าตัด ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของปัญหาและความต้องการของแต่ละบุคคล หากใครกำลังประสบปัญหาหางตาตก หรือต้องการเสริมความมั่นใจด้วยการปรับรูปทรงตาให้ดูสดใสขึ้น หมอแนะนำให้เข้ามาปรึกษาที่ BEAMS plastic surgery เพื่อประเมินปัญหา หาแนวทางแก้ไขที่เหมาะสม และออกแบบผลลัพธ์ร่วมกัน หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถสอบถามกับหมอผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้เลยค่ะ