ภาพประกอบการโฆษณาเท่านั้น
เมื่อวัยเริ่มเปลี่ยน ใบหน้าที่เคยเต่งตึงก็เริ่มเผยริ้วรอย ความหย่อนคล้อยตามแรงโน้มถ่วง หลายคนเริ่มสังเกตว่าเวลาส่องกระจก ร่องแก้มลึกขึ้น หางตาตก กรอบหน้าไม่ชัดเหมือนแต่ก่อน ปัญหาเหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาณที่บอกว่าเราอาจกำลังต้องการอะไรบางอย่างเพื่อ “ย้อนวัย” และฟื้นคืนความอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้า
บทความนี้ได้รวบรวมข้อมูลต่างๆ และหนึ่งในทางเลือกยอดนิยมที่ช่วยจัดการกับปัญหาเหล่านี้ได้ตรงจุด อย่างวิธี “ศัลยกรรมดึงหน้า” หรือ Face Lift รวมถึงเทคนิคใหม่อย่าง “Invisible Lock” ที่ช่วยให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ ซ่อนแผลได้แนบเนียน จนแทบมองไม่เห็นเลยว่าเคยผ่านการศัลยกรรมมาก่อนค่ะ
ศัลยกรรม “ดึงหน้า” คืออะไร? (Facelift)
“ศัลยกรรมดึงหน้า” หรือ Face Lift คือการผ่าตัดเพื่อยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย ลดริ้วรอยลึก และช่วย “ปรับรูปหน้า” ให้ได้สัดส่วนที่ดูอ่อนเยาว์ขึ้น การดึงหน้าสามารถทำได้ทั้งแบบดึงทั่วหน้า (Full Face Lift) และแบบเฉพาะจุด เช่น บริเวณกรอบหน้า หรือหางตา ซึ่งแพทย์จะประเมินจากปัญหาของแต่ละบุคคลก่อนวางแผนการรักษา
แต่การดึงหน้าที่ BEAMS Plastic Surgery ไม่ใช่แค่ยกผิวด้านนอกเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการยกชั้นกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อ (SMAS) ด้านในให้กลับคืนสู่ตำแหน่งเดิม จึงให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและอยู่ได้นาน
โดยแบ่งประเภทของการดึงหน้า 2 หัวข้อใหญ่ๆ ดังนี้
- Full Face Lift สำหรับผู้ที่มีปัญหาหลายส่วนบริเวณบนใบหน้า เช่น หางตาตก แก้มคล้อย มุมปากตก คางสองชั้น การดึงหน้าแบบนี้จะช่วยปรับทั้งโครงหน้าได้ชัดเจน
- Mini Face Lift หรือการดึงหน้าเฉพาะจุด เหมาะกับคนที่เริ่มมีปัญหาบางจุด เช่น หางตาตก กรอบหน้าเริ่มไม่ชัด เหนียงเล็กน้อย ซึ่งจะมีแผลเล็ก ฟื้นตัวไว
ดึงหน้า เฉพาะจุดดีจริงไหม?
เมื่อคำว่า “เฉพาะจุด” อาจไม่ตอบโจทย์ทั้งใบหน้าเสมอไป
หลายคนที่เริ่มรู้สึกว่าใบหน้าหย่อนคล้อย มักจะเริ่มหาข้อมูลเรื่องการดึงหน้า และอาจสะดุดตากับเทคนิค “ดึงหน้าเฉพาะจุด” เพราะดูเหมือนเป็นทางเลือกที่ “เจ็บน้อยกว่า ฟื้นตัวไว และราคาเบากว่า” การดึงทั้งหน้า
แต่ในฐานะแพทย์ที่เจอคนไข้มาแล้วหลากหลายเคส จึงอยากชวนให้มองเรื่องนี้ในมุมลึกขึ้นอีกนิดนึงค่ะ
ข้อดี และ ข้อควรระวัง ของการดึงหน้าเฉพาะจุด
ข้อดีของการดึงหน้าฉพาะจุด
การดึงหน้าฉพาะจุด หรือ Mini Face Lift เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่เริ่มมีสัญญาณแห่งวัย แต่ยังไม่ถึงขั้นต้องดึงทั้งหน้า ข้อดีของการเลือกวิธีนี้ คือ
- แผลเล็ก ฟื้นตัวไว
เนื่องจากเป็นการผ่าตัดเล็กในบริเวณเฉพาะ เช่น หางตา กรอบหน้า หรือเหนียง การบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อน้อย จึงช่วยลดระยะเวลาพักฟื้น กลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้เร็ว - เจ็บน้อย ดูแลง่าย
บริเวณแผลมักอยู่ในจุดที่สามารถซ่อนได้ง่าย เช่น ไรผมหรือหลังหู และมีขนาดเล็ก จึงดูแลง่าย ลดความเสี่ยงการติดเชื้อ และไม่ต้องกังวลเรื่องรอยแผล - ตอบโจทย์คนที่เริ่มมีปัญหาเฉพาะจุด
เหมาะสำหรับผู้ที่อายุยังไม่มาก มีริ้วรอยบางจุด หรือเริ่มมีความหย่อนคล้อยแค่บางส่วน เช่น หางตาตก มุมปากตก หรือกรอบหน้าเริ่มเบลอ - ปรับรูปหน้าเฉพาะจุดให้ชัดเจนขึ้น
เช่น ยกหางตาให้ดูสดใส ยกกรอบหน้าให้คมชัด หรือปรับแนวกรามให้กระชับขึ้น โดยไม่ต้องเปลี่ยนทั้งหน้า - เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์แบบค่อยเป็นค่อยไป
เพราะสามารถเลือกทำทีละจุดได้ โดยยังคงความเป็นธรรมชาติไว้ และหากต้องการเพิ่มเติมในอนาคตก็สามารถวางแผนต่อได้
แม้การดึงหน้าเฉพาะจุดจะมีข้อดี แต่หมออยากชวนมามองอีกมุมในแง่ของ “ข้อควรระวัง” กันบ้างค่ะ
ข้อควรระวังของการดึงหน้าฉพาะจุด
แม้การดึงหน้าฉพาะจุดจะดูน่าสนใจ ทั้งในแง่ของการเจ็บน้อย ฟื้นตัวไว และราคาที่เข้าถึงง่ายกว่า ในฐานะแพทย์ที่ดูแลเคสยกกระชับมาหลายปี หมออยากบอกว่า เทคนิคนี้ก็มีข้อจำกัดอยู่ไม่น้อยค่ะ
- ผลลัพธ์ไม่ครอบคลุมทั้งใบหน้า
คนไข้หลายคนเริ่มจากการอยากแก้เฉพาะจุด เช่น กรอบหน้าหย่อน หางตาตก แต่พอแก้เฉพาะจุดแล้วกลับรู้สึกว่าหน้ายังดูโทรมหรือไม่สดใสเหมือนที่หวังไว้ หรือ ดึงแก้มตึงแต่หางตายังตก หรือเหนียงยกขึ้นแต่ขมับหย่อน นั่นเป็นเพราะสัญญาณของความหย่อนคล้อยมักเกิดพร้อมกันหลายจุด การดึงเฉพาะจุดอาจทำให้ภาพรวมของใบหน้ายังดูไม่สมดุล - อาจเห็นรอยต่อของความกระชับ
กรณีที่ใบหน้าหย่อนคล้อยหลายตำแหน่ง แต่เลือกทำเฉพาะบางจุด อาจทำให้ใบหน้าดูไม่เนียนต่อกัน เช่น แก้มยกขึ้นแต่ขมับยังหย่อนอยู่ หรือเหนียงตึงแต่กรอบหน้าไม่คม ทำให้ผลลัพธ์ดูขาดความกลมกลืน - ผลลัพธ์อยู่ได้ไม่นานเท่าการดึงทั้งหน้า
เนื่องจากไม่ได้ยกผิวในชั้นลึกทั้งหมดแบบ Full Facelift การดึงเฉพาะจุดมักให้ผลในระยะสั้นถึงกลาง อยู่ได้ประมาณ 3-5 ปี แล้วจึงเริ่มมีอาการหย่อนซ้ำอีก - เสี่ยงกลับมาทำซ้ำบ่อยขึ้น
คนที่เริ่มจากการดึงเฉพาะจุด อาจต้องกลับมาแก้หรือทำซ้ำภายในเวลาไม่กี่ปี และเมื่อทำหลายครั้ง ก็จะเริ่มมีพังผืดในชั้นผิว ทำให้การผ่าตัดครั้งต่อไปยากขึ้น ผลลัพธ์อาจไม่สวยเท่าครั้งแรก - บางกรณีอาจต้องจบด้วยการดึงทั้งหน้าในที่สุด
โดยเฉพาะในคนที่มีอายุ 45 ปีขึ้นไป หรือมีปัญหาความหย่อนคล้อยมากกว่า 1 บริเวณ การดึงเฉพาะจุดอาจเหมือนการแก้ปลายเหตุ และทำให้ต้องกลับมาลงทุนครั้งใหญ่ภายหลัง
ตารางสรุป เปรียบเทียบข้อดีและข้อควรระวัง ดึงหน้า เฉพาะจุด”
อย่างไรก็ตาม การเลือกว่าจะดึงหน้าเฉพาะจุดหรือทั้งหน้าควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะบางกรณี การดึงเฉพาะจุดอาจทำให้ผลลัพธ์ไม่กลมกลืน ดูแปลกตา หรือแก้ไม่ตรงจุดจริง และอาจต้องกลับมาแก้ซ้ำในภายหลัง
แต่ที่ BEAMS Plastic Surgery เราเชื่อในแนวคิด “ดึงทีเดียวแต่คุ้ม” เพราะการวางแผนแบบองค์รวม พร้อมเทคนิคเฉพาะ Invisible Lock การซ่อนแผลของ BEAMS จะช่วยให้โครงหน้ากลับมาตึงกระชับได้ทั่วทั้งใบหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ “ไม่ต้องแบ่งทำหลายจุด ไม่ต้องจ่ายซ้ำซ้อน และไม่ต้องเสี่ยงกับผลลัพธ์ที่ไม่สมดุล” ค่ะ
ภาพประกอบการโฆษณาเท่านั้น
ต้องเลือกแบบไหน ถึงจะเหมาะกับคุณ?
แต่ละคนมีปัญหาความหย่อนคล้อยต่างกัน และวิธีการแก้ก็ไม่เหมือนกัน การได้ปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรงจะช่วยให้วางแผนได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัยที่สุดหากคุณกำลังลังเลว่าจะดึงหน้าแบบไหนเหมาะกับคุณหรือเปล่า
ลองเข้ามาปรึกษาศัลยแพทย์ตกแต่งเฉพาะทางของเรา
เพราะการได้ฟังคำแนะนำที่ตรงจุด อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการย้อนวัยอย่างมั่นใจในแบบของคุณ
เทคนิคเฉพาะ Invisible Lock การซ่อนแผล ของ BEAMS Plastic Surgery
หนึ่งในเทคนิคที่ได้รับความนิยมมากในขณะนี้คือ Invisible Lock ซึ่งเป็นเทคนิคเอกสิทธิ์เดียวของ BEAMS Plastic Surgery โดยคุณหมอบีม ศัลยแพทย์ตกแต่งใบหน้าเฉพาะทาง
จุดเด่นของ Invisible Lock
- ใช้แผลเล็กมากและซ่อนอยู่บริเวณไรผมหรือหลังใบหู
- ไม่เห็นแผลภายนอก ทำให้ดูเป็นธรรมชาติ
- ยกกระชับได้ทั้งชั้นผิวและกล้ามเนื้อ (SMAS)
- ผลลัพธ์ดูอ่อนเยาว์ ไม่แข็งตึง ไม่โป๊ะ
- ฟื้นตัวเร็ว และปลอดภัย
เทคนิคนี้เหมาะมากกับผู้ที่ต้องการดึงหน้าแบบไม่อยากให้ใครรู้ว่าไปทำอะไรมา อยากดูดีขึ้นแบบเป็นธรรมชาติ เหมือนได้ย้อนวัยแต่ยังเป็นตัวเอง
ภาพประกอบการโฆษณาเท่านั้น
“ดึงหน้าอยู่ได้กี่ปี?” คำตอบจากแพทย์
คำถามยอดฮิตที่คนไข้หลายคนมักถามคือ “ดึงหน้าอยู่ได้กี่ปี?” แต่โดยทั่วไป การดึงหน้าทั่วทั้งใบหน้า (Full Facelift) จะให้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานประมาณ 5-10 ปี ซึ่งคำตอบขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น เทคนิคที่ใช้ อายุ สภาพผิว การดูแลตัวเองหลังทำ และประสบการณ์ของแพทย์เอง
1. เทคนิคที่ใช้
- การดึงผิวร่วมกับชั้น SMAS ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานขึ้น โดยประมาณ 5-10 ปี หรือมากกว่านั้นในบางเคส
*เทคนิคซ่อนแผล / ผ่าตัดยกใบหน้าไม่มีแผล ก็มีผลต่อการฟื้นตัวและการคงผลลัพธ์ เพราะลดการอักเสบ ฟื้นตัวเร็ว และโครงสร้างผิวไม่เสียหาย
2. อายุและความยืดหยุ่นของผิว
- คนที่อายุน้อย ผิวยังมีคอลลาเจนดี การดึงหน้ามักได้ผลดีและอยู่ได้นาน
- หากผิวบาง หย่อนมาก หรือเคยทำหัตถการบ่อย อาจทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้สั้นลง
3. การดูแลตัวเองหลังผ่าตัด
- งดบุหรี่ แอลกอฮอล์
- พักผ่อนเพียงพอ
- ทาครีมกันแดดเป็นประจำ
- ใช้สกินแคร์ที่ช่วยเสริมความยืดหยุ่น เช่น วิตามินซี, เรตินอล
คนไข้ที่ดูแลดี มักจะยืดอายุผลลัพธ์ออกไปได้อีกหลายปีเลยค่ะ
4. ประสบการณ์ของแพทย์
- เทคนิคแพทย์มีผลมาก เช่น การวางแนวแผล
- การจัดการชั้น SMAS
- การวางแผลประเมินใบหน้าอย่างแม่นยำ
- ละเอียดและมีความปลอดภัยสูง
ปรึกษาแพทย์ของ BEAMS Plastic Surgery
ศัลยกรรม “ดึงหน้า” เหมาะกับใคร?
1. ผู้ที่มีปัญหา ริ้วรอยลึก และ ความหย่อนคล้อยชัดเจน
- เมื่อผิวเริ่มบางลงตามอายุ คอลลาเจนลดลง ชั้นผิวและกล้ามเนื้อหย่อนตามแรงโน้มถ่วง
ทำให้เกิดริ้วรอยลึก เช่น ร่องแก้ม มุมปาก คางย้อย หรือเหนียง
2. ผู้ที่ต้องการ “ย้อนวัย” อย่างเห็นผล และ ปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์
- ศัลยกรรมดึงหน้าไม่ได้แค่ตึงผิว แต่ช่วยปรับโครงหน้าให้กลับไปใกล้เคียงช่วงวัยที่ดูดีที่สุด
3. ผู้ที่เคยทำ HIFU, ร้อยไหม หรือเลเซอร์ แต่ ไม่ได้ผลตามที่ต้องการ
- หัตถการพวกนี้เหมาะกับคนอายุน้อย หรือมีปัญหาผิวเล็กน้อยแต่ถ้าหย่อนคล้อยมากขึ้น หรือเคยทำซ้ำหลายรอบแล้วไม่ตอบโจทย์
- การดึงหน้าจะเป็นทางออกที่ ยกได้ลึกกว่า และอยู่ได้นานกว่า โดยเฉพาะเทคนิค Invisible Lock ผ่าตัดยกใบหน้าไม่มีแผล ที่ออกแบบให้คนไข้ฟื้นตัวเร็ว แผลเล็ก และผลลัพธ์คงทน
4. ผู้ที่ต้องการ ผลลัพธ์ชัดเจน อยู่ได้นาน ไม่ต้องทำบ่อย
- หัตถการบางอย่างต้องทำซ้ำทุก 6-12 เดือน
แต่การดึงหน้าโดยแพทย์ที่เชี่ยวชาญ จะให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 5-10 ปี (หรือมากกว่าในบางราย) - แถมเทคนิคซ่อนแผลในยุคนี้ ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องแผลใหญ่หรือรอยเย็บอีกต่อไป
Invisible Lock + เทคนิคซ่อนแผล = แผลสวย ไม่เห็นแผล
อยากรู้ว่าคุณเหมาะกับ Invisible Lock หรือไม่? ปรึกษากับศัลยแพทย์ตกแต่งเฉพาะทางของเราได้เลย
ข้อควรรู้ก่อนทำศัลยกรรมดึงหน้า
ก่อนจะตัดสินใจทำศัลยกรรมดึงหน้า ไม่ใช่แค่เห็นรีวิวแล้วอยากทำเลยนะคะ การดึงหน้าเป็นการผ่าตัดใหญ่ระดับหนึ่ง ควรเตรียมตัวให้พร้อมทั้งร่างกายและใจ รวมถึงศึกษาข้อมูลให้เข้าใจ เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาสวย เป็นธรรมชาติ และอยู่ได้นานที่สุดค่ะ
1. ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้าน Facial Plastic
การดึงหน้าไม่ใช่หัตถการทั่วไป ต้องทำโดยศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์เฉพาะทางด้านโครงสร้างใบหน้า หมอจะช่วยประเมินว่าแต่ละคนเหมาะกับเทคนิคแบบใด
2. ศึกษาเทคนิคที่เหมาะกับตัวเอง
เพราะแต่ละเทคนิคมีจุดเด่นต่างกัน เช่น
- คนที่ต้องการผลลัพธ์ระยะยาว ควรเลือกเทคนิคที่ยกถึงชั้น SMAS
- คนที่กลัวแผลยาว แนะนำเทคนิค ผ่าตัดยกใบหน้าไม่มีแผล ที่เน้นแผลเล็ก ซ่อนได้ในแนวไรผม หรือหลังใบหู
ผลลัพธ์ที่ดีควรมาคู่กับ “แผลสวย ไม่เห็นแผล” นะคะ ไม่ใช่แค่ตึงแต่เห็นรอย
3. หยุดยาบางชนิดก่อนผ่าตัด
ช่น แอสไพริน วิตามิน E หรือสมุนไพรบางชนิด ที่อาจทำให้เลือดออกง่ายหรือช้ำง่ายขึ้น ควรแจ้งแพทย์ทุกครั้งเกี่ยวกับยาที่ใช้อยู่ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดในการผ่าตัด
4. เตรียมตัวพักฟื้นประมาณ 3-5 วัน
ช่วงแรกอาจมีบวม ช้ำ หรือรู้สึกตึงผิวหน้าได้บ้าง ขึ้นอยู่กับเทคนิคและร่างกายของแต่ละคน คนไข้ที่ทำเทคนิค Invisible Lock กับหมอ ส่วนใหญ่จะบวมน้อย ฟื้นตัวเร็วค่ะ
5. ต้องดูแลแผลอย่างระมัดระวัง
ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก ต้องระวังไม่ให้แผลโดนน้ำ และหลีกเลี่ยงการขยับใบหน้าแรง ๆ การดูแลที่ดีจะช่วยให้ได้ แผลสวย ไม่เห็นแผล และลดความเสี่ยงเรื่องรอยแผลเป็นในระยะยาว
หมอบีมขอสรุปให้ “การ “ดึงหน้า” ในยุคนี้ไม่ได้น่ากลัวเหมือนในอดีตแล้วค่ะ เทคโนโลยีช่วยให้เราสามารถ ผ่าตัดยกใบหน้าไม่มีแผล ที่เห็นได้ชัด พร้อมผลลัพธ์ที่ดูอ่อนเยาว์ แต่ยังคงความเป็นธรรมชาติ ยิ่งเตรียมตัวดี ผลลัพธ์ยิ่งสวยค่ะ”
ทำไมต้องดึงหน้าที่ BEAMS Plastic Surgery?
- มีทีมศัลแพทย์เฉพาะทางด้าน Facial Plastic
- ใช้เทคนิค Invisible Lock ที่เน้นแผลเล็ก ซ่อนแผล และผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ
- ประสบการณ์การผ่าตัดดึงหน้าจำนวนมาก ได้รับความไว้วางใจจากคนไข้ทั้งในไทยและต่างประเทศ
- ให้คำปรึกษาอย่างตรงไปตรงมา วางแผนเฉพาะบุคคล
- มีเครื่องมือที่ครบครันทันสมัย และได้มาตรฐานความปลอดภัย ด้วยระบบควบคุมห้องปลอดเชื้อระดับโรงพยาบาล
- มีห้องพักฟื้นระดับ VIP ซึ่งอยู่ในภายใต้การดูแลของแพทย์และพยาบาลอย่างใกล้ชิด
ขั้นตอนการเข้ารับบริการ ที่ BEAMS Plastic Surgery
สรุปศัลยกรรมดึงหน้าคืออะไร? ดึงหน้าฉพาะจุดดีจริงไหม? และดึงหน้าอยู่ได้กี่ปี?
ศัลยกรรมดึงหน้าเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวและโครงหน้าอย่างเห็นผลชัดเจนและอยู่ได้นาน โดยเฉพาะในคนที่มีริ้วรอยลึกหรือผิวหย่อนคล้อย การทำ “ศัลยกรรมดึงหน้า” อาจเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ได้อย่างตรงจุด โดยเฉพาะในยุคนี้ที่มีเทคนิคทันสมัยอย่าง Invisible Lock ซึ่งเน้นการซ่อนแผลอย่างแนบเนียนและให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ
สำหรับใครที่ยังลังเลว่าควรทำ ดึงหน้าฉพาะจุด หรือดึงทั้งใบหน้า การประเมินกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญถือเป็นสิ่งสำคัญ รวมถึงการเลือกสถานพยาบาลที่มีประสบการณ์และใช้เทคนิคที่เหมาะสมจึงมีผลอย่างมากต่อความพึงพอใจในระยะยาว
BEAMS Plastic Surgery พร้อมดูแลคุณด้วยเทคนิคเฉพาะทางและทีมศัลยแพทย์ตกแต่งเฉพาะทางด้าน Facial Plastic อย่างแท้จริง สามารถติดต่อได้ทุกช่องทางเลยนะคะ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการดึงหน้า (FAQ)
Q: ดึงหน้าแล้วจะดูไม่เป็นธรรมชาติไหม?
A: ที่ BEAMS Plastic Surgery เน้นความเข้าใจคนไข้และให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติที่สุด
เลือกใช้เทคนิค Invisible Lock จะได้ผลลัพธ์ที่ดูอ่อนเยาว์แบบไม่โป๊ะ ไม่มีรอยแผลชัดเจน ใครเห็นก็จะรู้สึกว่าเราดูดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
Q: ดึงหน้าเจ็บไหม?
A: ระหว่างผ่าตัดจะมีการวางยาหรือฉีดยาชา ผู้ป่วยจะไม่รู้สึกเจ็บ หลังทำอาจมีตึงเล็กน้อย ซึ่งจะหายไปภายในไม่กี่วัน
Q: ต้องพักฟื้นนานแค่ไหน?
A: ปกติสามารถพักฟื้นประมาณ 3-5 วัน และกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ
Q: ทำได้ตั้งแต่อายุเท่าไร?
A: โดยทั่วไปเริ่มทำได้ตั้งแต่อายุ 35 ปีขึ้นไป หรือเมื่อมีปัญหาความหย่อนคล้อยที่เห็นชัด