
คลิกอ่านหัวข้อที่สนใจได้เลย
- 3 ปัจจัยที่ทำให้ผิวหน้าหย่อนคล้อย?
- ทำไมการมีหน้าเด็กจึงสำคัญ?
- 5 วิธีหลักในการทำให้หน้าเด็กแบบธรรมชาติ — เลือกให้เหมาะกับตัวเอง
- เทคนิคหน้าเด็กแบบธรรมชาติที่ทำได้ทุกวัน
- ยกกระชับใบหน้าไม่ต้องผ่าตัด ช่วยให้หน้าเด็กลง (ไม่ต้องพักฟื้น)
- วิธีหน้าเด็กโดยไม่ต้องศัลยกรรม
- การยกกระชับใบหน้า (Facelift Surgery)
- ตารางเปรียบเทียบ 3 วิธีที่ช่วยให้หน้าเด็ก
- การยกกระชับใบหน้า (Facelift) ทางเลือกระยะยาวสำหรับวัย 40+
- Case Study: คุณตาล อายุ 34 ปี ดูหน้าเด็กลง ประทับใจในผลลัพธ์ ได้ใบหน้าสวยสมบูรณ์แบบ มั่นใจ ก่อนพิธีวิวาห์
- หน้าเด็กแบบไหนเหมาะกับใคร?
- สรุปเกี่ยวกับหน้าเด็กทำยังไง
- FAQ คำถามยอดฮิต
หน้าเด็ก หรือการมีใบหน้าอ่อนเยาว์คือความฝันของหลายคน โดยเฉพาะเมื่ออายุเพิ่มขึ้น การเปลี่ยนแปลงของผิวพรรณ ริ้วรอย และความหย่อนคล้อยของใบหน้ากลายเป็นปัญหาที่หนักใจ แต่การดูแลใบหน้าให้หน้าเด็ก ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป เพราะปัจจุบันมีหลากหลายทางเลือก ทั้งแบบธรรมชาติ, หัตถการไม่ต้องผ่าตัด, และการศัลยกรรมยกกระชับใบหน้าที่ให้ผลลัพธ์ยาวนานถึง 5-10 ปี บทความนี้จะมาตอบคำถามคุณว่า อยากหน้าเด็กทำยังไง? โดยเปรียบเทียบวิธีธรรมชาติ หัตถการ และศัลยกรรมพร้อมคำแนะนำจากหมอ ว่าช่วงวัยไหนควรเลือกวิธีใดให้เหมาะสมที่สุด
3 ปัจจัยที่ทำให้ผิวหน้าหย่อนคล้อย?
อายุที่เพิ่มขึ้น
เมื่ออายุมากขึ้น คอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิวลดลง ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่น กล้ามเนื้อใบหน้าเริ่มอ่อนแรง โครงสร้างกระดูกบางลง จึงเกิดการหย่อนคล้อยโดยธรรมชาติ
พฤติกรรมที่ทำให้ผิวโทรม
แสงแดด ความเครียด การนอนน้อย และอาหารที่มีน้ำตาลสูง ล้วนเร่งกระบวนการชราภาพผิว ทำให้เกิดริ้วรอยเร็วขึ้น และความสามารถในการฟื้นฟูตัวเองของผิวลดลง
การเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างใบหน้า
ไขมันบนใบหน้าจะมีการสลายตัวและเคลื่อนย้ายตำแหน่งตามอายุ ทำให้โหนกแก้มตอบ ร่องลึก และคางหย่อนคล้อย ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ใบหน้าดูมีอายุ
ทำไมการมีหน้าเด็กจึงสำคัญ?
การมีหน้าเด็กไม่เพียงแต่จะช่วยเสริมความมั่นใจ แต่ยังสามารถบ่งบอกถึงสุขภาพผิวที่ดีและการดูแลตัวเองอย่างเป็นระบบ การมีหน้าเด็กจึงไม่ใช่แค่ความฝันอีกต่อไป เพราะมีวิธีการที่สามารถทำให้คุณมีหน้าตาอ่อนเยาว์อย่างที่ต้องการได้ทั้งจากการดูแลภายในและภายนอก
5 วิธีหลักในการทำให้หน้าเด็กแบบธรรมชาติ — เลือกให้เหมาะกับตัวเอง

ภาพประกอบการโฆษณาเท่านั้น
เทคนิคหน้าเด็กแบบธรรมชาติที่ทำได้ทุกวัน
“หน้าเด็ก” ได้ การบำรุงจากภายในและการดูแลภายนอกอย่างสม่ำเสมอ คือหัวใจของการมีใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์แบบไม่ต้องพึ่งหัตถการหรือศัลยกรรม เทคนิคเหล่านี้เหมาะกับทุกช่วงวัย โดยเฉพาะใครที่ต้องการเริ่มต้นดูแลตัวเองให้มี ใบหน้าเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติ
1. ดื่มน้ำอย่างเพียงพอเพื่อผิวชุ่มชื้น
น้ำคือส่วนประกอบหลักของร่างกายและผิวหนัง การดื่มน้ำให้เพียงพอช่วยให้ผิวไม่แห้งกร้าน ลดการเกิดริ้วรอยก่อนวัย และช่วยในการขับของเสียออกจากร่างกาย ใครที่อยาก หน้าเด็กธรรมชาติ ควรเริ่มต้นจากการสร้างวินัยในการดื่มน้ำทุกวัน โดยเฉพาะช่วงเช้าหลังตื่นนอน และก่อนนอน
- เคล็ดลับ: พกขวดน้ำติดตัวไว้เสมอ เพื่อให้ดื่มน้ำได้สม่ำเสมอทั้งวัน
2. ทาครีมกันแดดทุกวัน ป้องกันแสงแดดที่เป็นต้นเหตุของริ้วรอยก่อนวัย
รังสี UVA และ UVB จากแสงแดดสามารถทำลายคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง ทำให้เกิดจุดด่างดำ ความหมองคล้ำ และริ้วรอยที่เห็นชัดขึ้นตามวัย การใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปเป็นประจำทุกวัน แม้ในวันที่ไม่ออกแดดโดยตรง เป็น เทคนิคหน้าเด็กที่ใช้ได้จริง เพราะช่วยปกป้องผิวจากการเสื่อมสภาพสะสม
- สำหรับวัย 40+: แนะนำใช้ครีมกันแดดที่มีสารต้านอนุมูลอิสระร่วมด้วย เพื่อเสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงยิ่งขึ้น
3. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดให้ผิวดูมีชีวิตชีวา
การเคลื่อนไหวร่างกาย เช่น การเดินเร็ว วิ่ง หรือโยคะ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ส่งผลให้ผิวได้รับออกซิเจนและสารอาหารอย่างเพียงพอ ผิวจึงดูอิ่มฟู เปล่งปลั่ง และลดความหมองคล้ำตามวัย เหมาะสำหรับคนที่อยาก หน้าเด็กถาวร แบบยั่งยืนจากภายใน
- เทคนิค: ออกกำลังกายสัปดาห์ละ 3–4 ครั้ง ครั้งละ 30–45 นาที เป็นจังหวะที่พอดีต่อระบบไหลเวียนและสุขภาพผิว
4. ทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น มะเขือเทศ เบอร์รี่ อโวคาโด ช่วยชะลอวัย
อาหารคือปัจจัยหลักของความอ่อนเยาว์ อาหารที่มี สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) จะช่วยป้องกันการทำลายเซลล์จากความเครียดและมลภาวะ เช่น เบต้าแคโรทีนในแครอท ไลโคปีนในมะเขือเทศ วิตามินอีในอโวคาโด และวิตามินซีในผลไม้ตระกูลเบอร์รี่
ใครที่ต้องการดูแลตัวเองให้ หน้าเด็กธรรมชาติ แบบไม่ต้องฉีดหรือผ่าตัด อาหารที่เลือกทานในแต่ละวันจะส่งผลอย่างมากในระยะยาว
- เทคนิคหน้าเด็กสำหรับวัย 40: เพิ่มไขมันดีจากปลาแซลมอน หรือถั่วต่างๆ เสริมการสร้างคอลลาเจนในผิว
5. นอนหลับลึกวันละ 7–8 ชม. เพื่อฟื้นฟูเซลล์ผิว
ขณะที่เรานอนหลับ ร่างกายจะเข้าสู่กระบวนการซ่อมแซมเซลล์ผิว และผลิต Growth Hormone ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อความอ่อนเยาว์ของผิวหน้า หากนอนหลับไม่เพียงพอ ผิวจะดูโทรม ร่วงโรย และเกิดริ้วรอยได้ง่ายขึ้น
การนอนอย่างมีคุณภาพคือเคล็ดลับหน้าเด็กที่หลายคนมองข้าม ยิ่งสำหรับผู้ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป ควรเน้นเรื่องการนอนให้เป็นเวลา และงดหน้าจอมือถือก่อนนอน 1 ชั่วโมงเพื่อให้หลับลึกขึ้น
- เทคนิค: ใช้หมอนที่รองรับศีรษะได้ดี และนอนในห้องที่อุณหภูมิไม่ร้อนเกินไป ช่วยให้หลับสนิทและหน้าเด็กลงอย่างเห็นได้ชัด
ยกกระชับใบหน้าไม่ต้องผ่าตัด ช่วยให้หน้าเด็กลง (ไม่ต้องพักฟื้น)

ภาพประกอบการโฆษณาเท่านั้น
วิธีหน้าเด็กโดยไม่ต้องศัลยกรรม
หน้าเด็ก ด้วยหัตถการความงามแบบไม่ผ่าตัด (Non-invasive treatments) กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มคนวัย 30-45 ปี ที่เริ่มสังเกตเห็นปัญหาความหย่อนคล้อยหรือริ้วรอยบางจุด แต่ยังไม่พร้อมสำหรับการทำศัลยกรรมยกกระชับแบบถาวร หัตถการเหล่านี้ สามารถทำได้ในเวลาอันรวดเร็ว เจ็บน้อย และไม่ต้องพักฟื้น
โปรแกรม Botox – ลดริ้วรอยเฉพาะจุด เช่น หางตา หน้าผาก
Botox เป็นหัตถการยอดนิยมที่ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ลงได้ภายในไม่กี่วัน โดยการฉีด Botox จะช่วยคลายกล้ามเนื้อในจุดที่เกิดริ้วรอยบ่อย เช่น หน้าผาก หว่างคิ้ว และรอบดวงตา ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
- ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 4–6 เดือน
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ วิธีทำให้หน้าเด็กโดยไม่ต้องศัลยกรรม แบบรวดเร็ว
โปรแกรม Filler – เติมเต็มร่องลึก ให้ใบหน้าดูอิ่มฟูและอ่อนวัย
Filler หรือสารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid จะถูกฉีดเข้าไปในจุดที่มีร่องลึก เช่น ร่องแก้ม ใต้ตา หรือขมับ เพื่อทำให้ใบหน้าดูอิ่มฟู สดใส และมีวอลลุ่มที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น
- เห็นผลทันทีหลังทำ และอยู่ได้นาน 6–12 เดือน
- เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีปัญหาใบหน้าดูโทรม หรือโครงหน้าไม่สมดุล
HIFU / Ulthera / Thermage – คลื่นเสียง/คลื่นวิทยุยกกระชับผิวชั้นลึก
เทคโนโลยียกกระชับผิวแบบไม่ต้องผ่าตัด เช่น HIFU, Ulthera และ Thermage ใช้พลังงานคลื่นเสียงหรือคลื่นวิทยุเข้าไปกระตุ้นคอลลาเจนและยกกระชับผิวในชั้นลึก (SMAS Layer) โดยไม่ทำลายผิวชั้นบน
- ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนภายใน 1–3 เดือน และอยู่ได้นาน 6 เดือนถึง 1 ปี
- เหมาะสำหรับผู้ที่มองหา ยกกระชับใบหน้าแบบไหนดี โดยไม่ต้องศัลยกรรม
ร้อยไหม – กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน พร้อมยกโครงหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ
การร้อยไหมเป็นหัตถการที่ใช้ไหมละลายร้อยเข้าไปใต้ชั้นผิวเพื่อยกกระชับผิวหน้า ช่วยให้กรอบหน้าชัดขึ้น ร่องแก้มลดลง และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในระยะยาว เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีสัญญาณของความหย่อนคล้อยแต่ยังไม่ต้องการศัลยกรรม
- ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 8 เดือน – 1 ปี ขึ้นกับชนิดไหม
- เป็นทางเลือกยอดนิยมในกลุ่มวัย 35–45 ปี ที่ยังต้องการลุคธรรมชาติ
- เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีสัญญาณของความหย่อนคล้อยเล็กน้อย เช่น กรอบหน้าไม่ชัด ร่องแก้มลึก หรือมีริ้วรอยเล็กๆ รอบดวงตา
- ไม่ต้องพักฟื้น สามารถแต่งหน้าหรือกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ
การยกกระชับใบหน้า (Facelift Surgery)

ภาพประกอบการโฆษณาเท่านั้น
สำหรับผู้ที่เริ่มมีความหย่อนคล้อยในระดับโครงสร้างลึกของใบหน้า เช่น กล้ามเนื้อแก้มที่คล้อยลง ร่องแก้มลึก หรือกรอบหน้าไม่ชัดเจน การทำการยกกระชับใบหน้า ด้วยFacelift จะเป็นคำตอบที่ตรงจุดที่สุด
การยกกระชับใบหน้า หรือการดึงหน้า Faceliftจะช่วยแก้ไขที่ต้นตอของปัญหาความหย่อนคล้อย คือ กล้ามเนื้อชั้นลึก (SMAS) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของความหย่อนคล้อย ทำผลลัพธ์ให้ดูเป็นธรรมชาติ และอยู่ได้นานกว่า 5-10 ปี ถือเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ระยะยาวและ หน้าเด็ก แบบมั่นใจ
ตารางเปรียบเทียบ 3 วิธีที่ช่วยให้หน้าเด็ก

ตารางนี้ช่วยให้ตัดสินใจง่ายขึ้นว่า “ยกกระชับใบหน้าแบบไหนดี” สำหรับคุณ
การยกกระชับใบหน้า (Facelift) ทางเลือกระยะยาวสำหรับวัย 40+
ทำไมการยกกระชับใบหน้าถึงตอบโจทย์คนอยากหน้าเด็กจริงจัง
Facelift เป็นการศัลยกรรมยกกระชับที่ลึกถึงชั้น SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นกล้ามเนื้อใต้ผิวหนัง ช่วยให้ผลลัพธ์ที่ดูอ่อนวัยเป็นธรรมชาติและอยู่ได้นานกว่า 5-10 ปี
- ย้อนวัยใบหน้าให้ตึงกระชับ ไม่หลอกตา
- ไม่ต้องทำซ้ำบ่อยเหมือนหัตถการทั่วไป
- ปรับรูปหน้าให้สมดุล เนียนละเอียด
- ต้องการผลลัพธ์ระยะยาว
อ่านต่อ : ดึงหน้า แก้หน้าหย่อนคล้อย (Facelift)
ดึงหน้าเหมาะกับใคร?
- ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป
- มีผิวหนังหย่อนคล้อยบริเวณแก้ม แนวกราม และลำคอ
- ต้องการผลลัพธ์ชัดเจน ยาวนาน โดยไม่ต้องทำซ้ำบ่อย
เทคนิค “Invisible Lock” ซ่อนแผลเฉพาะทางจากหมอบีม Facial Expert
ที่ BEAMS plastic surgery มีเทคนิคเฉพาะที่เรียกว่า “Invisible Lock” ซึ่งใช้วิธีซ่อนแผลผ่าตัดไว้บริเวณไรผมและซอกใบหู ทำให้แทบไม่เห็นรอยแผลหลังการผ่าตัด เทคนิคนี้ออกแบบโดย หมอบีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโครงสร้างใบหน้าโดยเฉพาะ
งานวิจัยเปรียบเทียบผลลัพธ์การดึงหน้ากับหัตถการ
จากการศึกษาโดย American Society of Plastic Surgeons (2020) พบว่า ผู้ที่ดึงหน้าเต็มรูปแบบมีความพึงพอใจในผลลัพธ์ถึง 92% และยังคงรักษารูปหน้าที่ตึงกระชับได้นานกว่า 5-10 ปี เทียบกับกลุ่มที่ใช้หัตถการเพียงอย่างเดียวซึ่งต้องทำซ้ำทุก 6–12 เดือน
ระยะพักฟื้น – อยู่ได้นานแค่ไหน?
- พักฟื้นเฉลี่ย 7–14 วัน
- แผลจะเริ่มจางลงชัดเจนใน 3–6 เดือน
- ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นาน 5-10 ปี
Case Study: คุณตาล อายุ 34 ปี ดูหน้าเด็กลง ประทับใจในผลลัพธ์ ได้ใบหน้าสวยสมบูรณ์แบบ มั่นใจ ก่อนพิธีวิวาห์
“ก่อนทำ รู้สึกกังวลกับปัญหา ใบหน้าหย่อนคล้อย มีร่องน้ำหมาก และร่องแก้ม ทำให้ดูแก่กว่าวัย ลองมาหลายวิธีก็ยังไม่ตอบโจทย์ เพราะตาลต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและใบหน้าเรียวสวย
ตาลจึงตัดสินใจทำหัตถการ Facelift (ดึงหน้า) กับคุณหมอบีม Facial Expert โดยเน้นการดึงในชั้นลึก หรือชั้น SMAS เพื่อยกกระชับใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ ผลลัพธ์ที่ได้ เป็นน่าประทับใจมาก ใบหน้าดูสดใส อ่อนเยาว์ ร่องน้ำหมากและร่องแก้มดูตื้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตอบโจทย์มากๆค่ะ ยิ่งไปกว่านั้นตาลได้ใบหน้าสวยสมบูรณ์แบบ มั่นใจ ก่อนพิธีวิวาห์ด้วยค่ะ”🔹 ปัญหาเดิม: ใบหน้ามีความหย่อนคล้อย มีร่องน้ำหมาก และร่องแก้ม
🔹 เทคนิคที่ใช้: Facelift เทคนิคซ่อนแผล “Invisible Lock”
🔹 ระยะพักฟื้น: 14-30 วัน
🔹 ผลลัพธ์: หน้าเรียวขึ้น ร่องแก้มตื้นขึ้น อย่างเห็นได้ชัด
Before & After
อยากหน้าเด็กแบบธรรมชาติหรือถาวร เลือกให้ตรงกับตัวคุณ
ไม่ว่าจะเริ่มจากวิธีธรรมชาติ หรือเข้าสู่การทำศัลยกรรมยกกระชับแบบเต็มรูปแบบ การดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่องคือกุญแจสำคัญของการมีใบหน้าที่ อ่อนเยาว์ อย่างยั่งยืน
สนใจปรึกษาศัลยแพทย์เฉพาะทาง 🔗 [ติดต่อ BEAMS plastic surgery คลิกที่นี่]
หน้าเด็กแบบไหนเหมาะกับใคร?
การเลือกวิธีทำให้หน้าเด็กนั้นไม่เพียงแต่ขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ที่ต้องการ แต่ยังต้องคำนึงถึงอายุ สภาพผิว และปัญหาที่พบในแต่ละช่วงวัย บทความนี้จะช่วยให้คุณรู้ว่าควรเลือกวิธีไหนให้เหมาะกับอายุของตัวเอง พร้อมทั้งช่วยให้การดูแลรักษาหน้าเด็กเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
อายุ 20–30 ปี: เน้นวิธีธรรมชาติ และป้องกันริ้วรอย
ในช่วงวัย 20–30 ปี ผิวยังคงมีความยืดหยุ่นดีและค่อนข้างฟื้นตัวได้เร็ว การดูแลที่ดีที่สุดในวัยนี้คือการป้องกันริ้วรอยก่อนวัยโดยไม่ต้องพึ่งพาวิธีการที่รุนแรง เช่น การทาครีมกันแดดทุกวัน เพื่อป้องกันความเสียหายจากแสงแดด, การดื่มน้ำ ให้ผิวชุ่มชื้นจากภายใน, และ การนอนหลับให้เพียงพอ ซึ่งจะช่วยให้ผิวหน้าได้รับการฟื้นฟูอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ควรใส่ใจกับการรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผักและผลไม้สด ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยตั้งแต่เนิ่นๆ และ การออกกำลังกาย ยังช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนเลือดให้ผิวหน้าดูสดใสและอ่อนเยาว์
อายุ 30–45 ปี: หัตถการไม่ต้องผ่าตัดให้ผลดีแบบไม่เจ็บตัว
เมื่ออายุเริ่มเข้าสู่ช่วง 30–45 ปี ผิวเริ่มแสดงสัญญาณการเปลี่ยนแปลง เช่น การเกิดริ้วรอยบางๆ หรือผิวเริ่มหย่อนคล้อยเล็กน้อย ในช่วงนี้ควรพิจารณาหัตถการเบาๆ ที่ไม่ต้องผ่าตัด เช่น Botox เพื่อลดริ้วรอยบริเวณหน้าผากและหางตา, Filler สำหรับเติมเต็มร่องลึกให้ใบหน้าอิ่มฟู และ HIFU หรือ Ulthera สำหรับยกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด หัตถการเหล่านี้ไม่ต้องพักฟื้นและช่วยให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนในเวลาสั้นๆ โดยสามารถทำได้บ่อยขึ้นตามต้องการ เช่น การเติม Filler ทุก 6-12 เดือน ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ทันทีและไม่ต้องการการพักฟื้น
อายุ 40 ปีขึ้นไป: แนะนำการยกกระชับใบหน้า เพื่อผลลัพธ์ระยะยาวและชัดเจน
เมื่ออายุ 40 ปีขึ้นไป การเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างผิวเริ่มชัดเจนขึ้น ริ้วรอยและการหย่อนคล้อยจะเห็นได้ชัดกว่าในช่วงก่อนหน้า ในวัยนี้การพิจารณาทำ การยกกระชับใบหน้า (Facelift) ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดเพื่อผลลัพธ์ระยะยาว
- การยกกระชับใบหน้าเป็นการปรับโครงสร้างผิวและกล้ามเนื้อที่อยู่ในชั้นลึก ซึ่งช่วยให้ใบหน้าดูยกกระชับและมีความสมดุลมากขึ้น ผลลัพธ์จากการทำ Facelift สามารถอยู่ได้นานถึง 5-10 ปี ทำให้ไม่ต้องทำการรักษาซ้ำบ่อยๆ แบบหัตถการที่ไม่ผ่าตัด
- ในกรณีที่ไม่ต้องการทำศัลยกรรม การเลือกใช้ ร้อยไหม หรือ HIFU ก็เป็นทางเลือกที่ดี เพราะช่วยยกกระชับและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดีเช่นกัน
สรุปเกี่ยวกับหน้าเด็กทำยังไง
หน้าเด็ก ไม่ว่าจะดูแลตัวเองด้วยวิธีธรรมชาติ หัตถการ หรือการศัลยกรรม
แต่ละแนวทางล้วนมีจุดเด่นที่เหมาะกับสภาพผิวและไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน การเริ่มต้นด้วยการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจึงเป็นสิ่งสำคัญ หากคุณกำลังมองหาวิธีคืนความอ่อนเยาว์ที่ปลอดภัย เห็นผลจริง และเหมาะกับคุณที่สุด
หมอบีม Facial Expert และทีมแพทย์เฉพาะทาง
พร้อมให้คำแนะนำและออกแบบแผนการดูแลอย่างเฉพาะเจาะจงตามโครงสร้างใบหน้าของแต่ละบุคคล เพื่อผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและมั่นใจได้ในทุกขั้นตอน สามารถติดต่อปรึกษาได้ทุกช่องทางของ BEAMS plastic surgery เลยนะคะ
FAQ คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับ Facelift
Q: Facelift เหมาะกับคนอายุเท่าไหร่?
A: โดยทั่วไปแล้วการทำ Facelift เหมาะกับผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ซึ่งเริ่มมีปัญหาความหย่อนคล้อยของใบหน้าอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตาม แพทย์บางท่านอาจแนะนำให้ทำเร็วขึ้น หากมีปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อยเร็วกว่าปกติจากพันธุกรรมหรือพฤติกรรมการใช้ชีวิต
Q: Facelift กับ HIFU ต่างกันยังไง?
A:
- Facelift เป็นการผ่าตัดเพื่อยกกระชับชั้นผิวและกล้ามเนื้อใบหน้า เห็นผลชัดเจนและอยู่ได้นาน 5-10 ปี
- HIFU เป็นการใช้คลื่นเสียงพลังงานสูงยกกระชับผิวชั้นลึกโดยไม่ต้องผ่าตัด เห็นผลในระดับปานกลาง และอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน
Q: ทำ Facelift แล้วจะดูไม่เป็นธรรมชาติหรือเปล่า?
A: ถ้าทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและใช้เทคนิคที่เหมาะสม ซึ่ง BEAMS Plastic Surgery จะมีเทคนิคพิเศษโดยเฉพาะ ที่เรียกว่า “Invisible Lock” ซ่อนแผล การเย็บยกชั้น SMAS หรือการซ่อนแผลในแนวไรผมนั้น ผลลัพธ์จะดูเป็นธรรมชาติ ไม่ตึงหรือแข็งเกินไป หมดกังวลเรื่องการเห็นแผลและไม่เป็นธรรมชาติ
Q: การทำ Facelift เจ็บไหม? พักฟื้นกี่วัน?
A: ในการทำ Facelift จะมีการให้ยาสลบหรือยาชา จึงไม่รู้สึกเจ็บระหว่างทำ หลังทำอาจรู้สึกตึงและบวมบ้างใน 3-7 วันแรก และใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 2-4 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับเทคนิคที่ใช้
Q: ผลลัพธ์ของ Facelift อยู่ได้นานแค่ไหน?
A: โดยทั่วไป ผลของ Facelift อยู่ได้นานประมาณ 5-10 ปี ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น อายุ สภาพผิว พฤติกรรมการใช้ชีวิต และการดูแลหลังผ่าตัด
Q: Facelift มีความเสี่ยงอะไรบ้าง?
A: การทำ Facelift แม้จะเป็นหัตถการที่ปลอดภัย แต่ก็อาจมีความเสี่ยงบางประการ เช่น อาการบวมช้ำ แผลเป็น การติดเชื้อ หรือเส้นประสาททำงานผิดปกติชั่วคราว อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงเหล่านี้สามารถลดลงได้อย่างมาก หากอยู่ในมือของศัลยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง
ซึ่งที่ BEAMS plastic surgery เรามี หมอบีม – Facial Expert ศัลยแพทย์ตกแต่งใบหน้าเฉพาะทาง ว.48073 ผู้มีประสบการณ์ตรงด้านศัลยกรรมใบหน้ามากกว่า 17 ปี ผ่านการศึกษาทั้งในประเทศไทยและประเทศเกาหลี มั่นใจได้ถึงความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติในทุกเคส
Q: หลังทำ Facelift ต้องดูแลตัวเองอย่างไร?
A: ควรหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ แสงแดด และการออกกำลังกายหนักในช่วง 2-4 สัปดาห์แรก รวมถึงรับประทานอาหารอ่อน พักผ่อนให้เพียงพอ และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
Q: สามารถทำหัตถการอื่นร่วมกับ Facelift ได้ไหม?
A: ได้ เช่น การฉีด Fat grafting การเติมไขมันหน้าเด็กเพื่อช่วยเก็บรายละเอียดผิวเพิ่มเติม ทำให้ผลลัพธ์ดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น