หมวดความรู้ทั่วไป

 รู้ทันภาวะใต้ตาบวมเกิดจากอะไร มีวิธีรักษาอย่างไรบ้าง

รู้ทันภาวะใต้ตาบวมเกิดจากอะไร

ภาพประกอบการโฆษณาเท่านั้น

ในปัจจุบันมีหลายคนประสบกับภาวะใต้ตาบวมแบบไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งบางคนตื่นนอนมาก็พบว่ามีใต้ตาบวมโดยไม่ทราบที่มา หรือบางรายเป็นผลแทรกซ้อนจากปัญหาสุขภาพอื่นๆ วันนี้หมอได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสาเหตุของอาการใต้ตาบวม วิธีแก้ถุงใต้ตาบวม รวมถึงแนวทางการรักษาที่เหมาะสมมาฝากทุกท่าน ติดตามได้ในบทความนี้นะคะ

อาการใต้ตาบวมคืออะไร

ใต้ตาบวม คือ ภาวะที่มีการสะสมของของเหลวใต้ผิวหนังบริเวณเบ้าตาด้านล่าง ทำให้เกิดอาการบวม มีลักษณะคล้ายถุงน้ำหรือถุงเนื้อใต้ตา บางรายอาจพบใต้ตาบวมข้างเดียว หรือทั้งสองข้าง ซึ่งสาเหตุอาจเกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตและโรคบางชนิด สามารถเกิดได้ทั้งแบบชั่วคราวและแบบเรื้อรัง 

อาการใต้ตาบวมเกิดจากอะไร

ใต้ตาบวมเป็นอาการที่พบได้บ่อยในทุกเพศทุกวัย โดยสาเหตุหลักๆ มาจากสองปัจจัยคือ พฤติกรรมการใช้ชีวิตและโรคบางประเภท หมอจะอธิบายให้ฟังทีละส่วนนะคะ

สาเหตุทั่วไปจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต

อาการใต้ตาบวมมักเกิดจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การขยี้ตาแรงๆ การนอนหลับไม่เพียงพอ ความเครียดสะสม การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป การใช้สายตาเพ่งนานเกินไป หรือการรับประทานอาหารที่มีรสเค็มมากเกินไปทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำ นอกจากนี้การร้องไห้หรือการแพ้เครื่องสำอางก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดใต้ตาบวมได้

สาเหตุที่เกี่ยวข้องกับปัญหาสุขภาพและโรค

นอกจากสาเหตุจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตแล้ว ใต้ตาบวมยังอาจเป็นสัญญาณของโรคหรือปัญหาสุขภาพบางประการ ซึ่งบางครั้งอาจพบว่ามีใต้ตาบวมข้างเดียว หรือทั้งสองข้าง ขึ้นอยู่กับสาเหตุของโรคนั้นๆ

โรคตากุ้งยิง

โรคตากุ้งยิงหรือกุ้งยิงเป็นการอักเสบของต่อมไขมันที่หนังตา ทำให้เกิดก้อนเล็กๆ คล้ายสิวที่ขอบตา ซึ่งอาจทำให้เกิดการอักเสบและใต้ตาบวม โดยเฉพาะเมื่อมีการติดเชื้อร่วมด้วย บางรายอาจมีใต้ตาบวมข้างเดียวตามตำแหน่งที่เกิดกุ้งยิง หากไม่ได้รับการรักษาอาจลุกลามและทำให้เกิดการอักเสบรุนแรงได้

โรคตาแดง

โรคตาแดงเกิดจากการติดเชื้อหรือการอักเสบที่เยื่อบุตา ทำให้เกิดอาการตาแดง เคืองตา มีขี้ตามาก และบ่อยครั้งทำให้ใต้ตาบวมร่วมด้วย เนื่องจากร่างกายมีการตอบสนองต่อการอักเสบ โดยส่งเลือดและน้ำเหลืองมาบริเวณที่อักเสบมากขึ้น ทำให้เกิดอาการบวมได้ โดยเฉพาะในตอนเช้าหลังตื่นนอน

โรคโมโนนิวคลิโอซิส

โรคโมโนนิวคลิโอซิสหรือที่เรียกว่าไข้ต่อมน้ำเหลือง เกิดจากการติดเชื้อไวรัส Epstein-Barr ซึ่งส่งผลให้มีการอักเสบของต่อมน้ำเหลืองทั่วร่างกาย รวมถึงบริเวณใบหน้าและรอบดวงตา ทำให้เกิดใต้ตาบวม ร่วมกับอาการไข้ อ่อนเพลีย เจ็บคอ และต่อมน้ำเหลืองโต

เกิดการเสื่อมสภาพของผิวหนังตามอายุ

เมื่ออายุมากขึ้น ผิวหนังจะเกิดการเสื่อมสภาพ มีการลดลงของคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวหย่อนคล้อย เกิดการหย่อนของถุงไขมันใต้ตา ส่งผลให้เกิดใต้ตาบวมอย่างถาวร ซึ่งมักพบในผู้สูงอายุและอาจเป็นลักษณะทางพันธุกรรมได้ในบางครอบครัว จึงควรหาวิธีแก้ถุงใต้ตาบวมที่เหมาะสม

เกิดการติดเชื้อรอบดวงตา

การติดเชื้อแบคทีเรียบริเวณรอบดวงตาหรือเปลือกตา (Periorbital cellulitis) สามารถทำให้เกิดใต้ตาบวมอย่างรุนแรงได้ โดยมักมีอาการปวด แดง ร้อน และอาจมีไข้ร่วมด้วย ภาวะนี้ถือเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะโดยเร็ว เพื่อป้องกันการลุกลามเข้าสู่ลูกตาและสมอง

เกิดภาวะท่อน้ำตาอุดตัน

เมื่อท่อน้ำตาเกิดการอุดตัน จะทำให้น้ำตาไม่สามารถระบายออกได้ตามปกติ เกิดการคั่งของน้ำตาและอาจมีการติดเชื้อตามมา ส่งผลให้เกิดใต้ตาบวม โดยเฉพาะในตอนเช้า มักพบว่ามีใต้ตาบวมข้างเดียวตามตำแหน่งที่มีท่อน้ำตาอุดตัน ร่วมกับมีน้ำตาไหลมากผิดปกติ

ผลข้างเคียงจากโรคภูมิแพ้

โรคภูมิแพ้ทำให้ร่างกายหลั่งสารฮิสตามีนเพื่อต่อต้านสารก่อภูมิแพ้ ซึ่งทำให้เกิดอาการบวมตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย รวมถึงบริเวณรอบดวงตา จึงพบใต้ตาบวมได้บ่อยในผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ โดยเฉพาะช่วงที่มีอาการกำเริบ ร่วมกับอาการจาม น้ำมูกไหล และตาแดง คัน

ผลข้างเคียงจากโรคไทรอยด์เป็นพิษ

ภาวะไทรอยด์เป็นพิษ (Hyperthyroidism) ทำให้มีการหลั่งฮอร์โมนไทรอยด์มากเกินไป ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อเนื้อเยื่อรอบดวงตา ทำให้ตาโปน และเกิดใต้ตาบวม รวมถึงอาการอื่นๆ เช่น ใจสั่น เหงื่อออกมาก น้ำหนักลด ทั้งที่ทานอาหารปกติหรือมากกว่าปกติ

ผลข้างเคียงจากโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง

โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองอาจทำให้เกิดการอุดตันของท่อน้ำเหลืองบริเวณใบหน้าและคอ ส่งผลให้มีการคั่งของน้ำเหลืองและเกิดใต้ตาบวมได้ โดยมักพบร่วมกับอาการต่อมน้ำเหลืองโตบริเวณคอ รักแร้ หรือขาหนีบ ร่วมกับมีไข้ เหงื่อออกตอนกลางคืน และน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ

อาการใต้ตาบวมส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างไร

ใต้ตาบวมนอกจากจะส่งผลกระทบต่อความสวยงามแล้ว ในบางกรณียังส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ โดยเฉพาะหากใต้ตาบวมเกิดจากโรคที่รุนแรง เช่น การติดเชื้อรอบดวงตา อาจลุกลามเข้าสู่ลูกตาและสมองได้ นอกจากนี้ ใต้ตาบวมที่มากอาจรบกวนการมองเห็น ทำให้ลืมตาลำบาก และส่งผลต่อคุณภาพชีวิตโดยรวม รวมถึงความมั่นใจในการเข้าสังคม

วิธีรักษาอาการใต้ตาบวม

ภาพประกอบการโฆษณาเท่านั้น

วิธีรักษาอาการใต้ตาบวม

สำหรับวิธีแก้ถุงใต้ตาบวม มีหลากหลายวิธีตั้งแต่การรักษาด้วยตนเองที่บ้าน ไปจนถึงการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการใต้ตาบวมนั้นๆ โดยมีวิธีที่แนะนำดังนี้

พักผ่อนให้เพียงพอต่อวัน

การนอนหลับอย่างเพียงพออย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อวัน จะช่วยลดอาการใต้ตาบวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการนอนควรนอนหนุนหมอนให้ศีรษะสูงกว่าลำตัวเล็กน้อย เพื่อป้องกันการคั่งของเหลวบริเวณใบหน้าและรอบดวงตา นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำมากก่อนนอน เพื่อลดโอกาสการบวมในตอนเช้า

นวดคลึงใต้ตาเบา ๆ

การนวดบริเวณใต้ตาบวมเบาๆ ด้วยปลายนิ้วจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลือง ทำให้ลดอาการบวมได้ โดยการนวดควรใช้แรงเบาๆ เริ่มจากหัวตาไปหางตา ทำวันละ 1-2 ครั้ง ครั้งละประมาณ 1-2 นาที อย่านวดแรงเกินไปเพราะอาจระคายเคืองผิวบอบบางบริเวณรอบดวงตา

ประคบใต้ตาด้วยน้ำเย็น

การประคบเย็นเป็นวิธีแก้ถุงใต้ตาบวมที่ได้ผลดี โดยใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำเย็นบิดหมาดๆ หรือใช้ช้อนที่แช่เย็นในตู้เย็น นำมาประคบบริเวณใต้ตาบวมเป็นเวลา 10-15 นาที ความเย็นจะช่วยลดการอักเสบและทำให้หลอดเลือดหดตัว ลดการไหลเวียนของเลือดมาบริเวณที่บวม

สำลีชุบน้ำเกลือแปะที่ใต้ตา

การใช้สำลีชุบน้ำเกลือแปะที่ใต้ตาบวมเป็นเวลา 10-15 นาที จะช่วยดึงน้ำออกจากบริเวณที่บวม ลดอาการบวมได้ โดยสามารถทำได้วันละ 1-2 ครั้ง นอกจากนี้ยังสามารถใช้แตงกวาหั่นบางๆ หรือใบชาที่แช่เย็นมาวางบริเวณตาแทนได้เช่นกัน สารในแตงกวาและชาจะช่วยลดการอักเสบได้ดี

รักษาด้วยวิธีหัตถการ

นอกจากการดูแลตนเองแล้ว ยังมีวิธีแก้ถุงใต้ตาบวมด้วยหัตถการทางการแพทย์ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีใต้ตาบวมเรื้อรังหรือเกิดจากการเสื่อมสภาพของผิวหนังตามอายุ ซึ่งเป็นวิธีที่ต้องได้รับการดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น โดยมีหัตถการหลายรูปแบบให้เลือกตามความเหมาะสม

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นวิธีแก้ถุงใต้ตาบวมที่นิยมใช้กันมาก โดยแพทย์จะฉีดสารไฮยาลูโรนิกแอซิดเข้าไปในชั้นใต้ผิวหนังบริเวณที่มีร่องลึกหรือเกิดการยุบตัวของเนื้อเยื่อ ทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น ลดเงาใต้ตาและร่องลึก การรักษาวิธีนี้ใช้เวลาไม่นาน ให้ผลทันที แต่ผลจะอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือนเท่านั้น จึงต้องทำซ้ำ

เติมไขมันใต้ตา 

การเติมไขมันใต้ตาเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการแก้ไขใต้ตาบวม โดยแพทย์จะดูดไขมันจากส่วนอื่นของร่างกาย เช่น ต้นขาหรือหน้าท้อง แล้วนำมาฉีดเข้าบริเวณใต้ตาที่มีร่องลึกหรือผิวยุบตัว ข้อดีคือไขมันเป็นเนื้อเยื่อของตัวเองจึงไม่เกิดการแพ้ และผลอยู่ได้นานกว่าฟิลเลอร์ แต่อาจไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าไขมันจะคงอยู่มากน้อยเพียงใด

รักษาด้วยการผ่าตัดถุงใต้ตา

การผ่าตัดถุงใต้ตาหรือ Lower Lid Surgery เป็นวิธีที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีใต้ตาบวมเรื้อรังหรือถุงใต้ตาที่เกิดจากถุงไขมันยื่นออกมา โดยศัลยแพทย์จะทำการผ่าตัดกำจัดไขมันส่วนเกินและตัดแต่งผิวหนังที่หย่อนคล้อย ผลการรักษาจะอยู่ได้นานหลายปี แต่มีระยะพักฟื้นนานกว่าวิธีอื่นๆ ควรปรึกษาศัลยแพทย์ตกแต่งผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจ

สรุปเกี่ยวกับอาการใต้ตาบวม

ภาพประกอบการโฆษณาเท่านั้น

สรุปเกี่ยวกับอาการใต้ตาบวม

ใต้ตาบวมเป็นภาวะที่พบได้บ่อย เกิดได้จากหลายสาเหตุทั้งจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตและโรคบางชนิด การรักษามีหลากหลายวิธีตั้งแต่การดูแลตนเองที่บ้านไปจนถึงการรักษาโดยแพทย์ หากมีใต้ตาบวมรุนแรงหรือเรื้อรัง รวมถึงเกิดใต้ตาบวมข้างเดียวผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที หากท่านมีปัญหาใต้ตาบวมที่รบกวนชีวิตประจำวัน BEAMS plastic surgery พร้อมดูแลทุกปัญหาหนังตาตก โดยหมอบีม และทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมตกแต่งใบหน้า เข้ามาปรึกษาเพื่อแนวทางแก้ไขและสรุปผลลัพธ์ร่วมกัน สอบถามกับหมอบีม Facial Expert ผ่านช่องทางต่าง ๆ มาได้เลยนะคะ

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

กรอกข้อมูล ให้เราติดต่อกลับ

Becoming Your Best Self

เข้าใจทุกความกังวลและปัญหาผิวพรรณของคุณ
ด้วยการรักษาที่ออกแบบเฉพาะบุคคล