
ภาพประกอบการโฆษณาเท่านั้น
ดวงตาเปรียบเสมือนหน้าต่างบานแรกของหัวใจที่สะท้อนอารมณ์และความรู้สึกได้อย่างชัดเจน การมีตาเศร้าตลอดเวลาทำให้ใบหน้าดูไม่สดใส หมองคล้ำ และขาดความมั่นใจ ทั้งที่ในความเป็นจริงเราอาจไม่ได้รู้สึกเศร้าเลยก็ตาม ภาวะตาเศร้านี้เกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางกายภาพหรือพฤติกรรมการใช้ชีวิต วันนี้หมอจะมาอธิบายสาเหตุและวิธีแก้ไขภาวะตาเศร้าให้เข้าใจอย่างถ่องแท้กันค่ะ
ภาวะตาเศร้าคืออะไร
ตาเศร้า คือ ภาวะที่ดวงตาดูหม่นหมอง ไร้ชีวิตชีวา มักเกิดจากความผิดปกติของเปลือกตาที่หย่อนคล้อยหรือตกลงมาปิดบางส่วนของดวงตา ทำให้ใบหน้าดูอิดโรย เหนื่อยล้า และมีอายุมากกว่าความเป็นจริง ซึ่งภาวะตาเศร้าสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ อาการเปลือกตาหย่อนคล้อย และอาการกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง
อาการเปลือกตาหย่อนคล้อย (Dermatochalasis)
Dermatochalasis เป็นภาวะที่เกิดจากผิวหนังเปลือกตาหย่อนคล้อยมากเกินไป ทำให้เกิดการสะสมของผิวหนังส่วนเกินบริเวณเปลือกตาบนและล่าง ส่งผลให้เกิดตาเศร้า มักพบในผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีปัจจัยทางพันธุกรรม ซึ่งนอกจากจะส่งผลต่อความสวยงามแล้ว ในกรณีรุนแรงยังอาจรบกวนการมองเห็นได้อีกด้วย
อาการกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง (Ptosis)
Ptosis หรือภาวะกล้ามเนื้อยกเปลือกตาอ่อนแรง เป็นสาเหตุสำคัญของตาเศร้า ที่ทำให้เปลือกตาบนตกลงมาบดบังดวงตาบางส่วน อาจเกิดได้แต่กำเนิดหรือเกิดภายหลังจากความเสื่อมของกล้ามเนื้อตามวัย การบาดเจ็บ หรือโรคทางระบบประสาท ส่งผลให้ดวงตาดูเล็กลง มีขอบตาแคบ และดูเหนื่อยล้าตลอดเวลา
ภาวะตาเศร้าเกิดจากอะไร
ตาเศร้าสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย ซึ่งแต่ละปัจจัยส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของเปลือกตาและกล้ามเนื้อรอบดวงตา ทำให้ดวงตาดูไม่สดใสและหมองคล้ำ
อายุที่มากขึ้น
เมื่ออายุมากขึ้น ผิวหนังรอบดวงตาจะเริ่มสูญเสียความยืดหยุ่น ทำให้เกิดการหย่อนคล้อยของเปลือกตา ประกอบกับการลดลงของไขมันใต้ผิวหนัง ส่งผลให้เกิดภาวะตาเศร้าได้อย่างชัดเจน เปลือกตาบนจะเริ่มตกลงมาบดบังดวงตา ทำให้ตาดูเล็กลงและดูเหนื่อยล้าตลอดเวลา แม้จะพักผ่อนเพียงพอก็ตาม
กรรมพันธุ์ของชาวเอเชีย
โครงสร้างดวงตาของชาวเอเชียมีลักษณะที่แตกต่างจากชาวตะวันตก คือมีเปลือกตาที่หนากว่าและมีไขมันรอบดวงตามากกว่า ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดตาเศร้าได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่ออายุมากขึ้น ยิ่งถ้ามีประวัติคนในครอบครัวมีปัญหาเปลือกตาตก ก็ยิ่งมีโอกาสเกิดภาวะนี้สูงขึ้นไปอีก
เคยทำตาสองชั้นมาก่อน
สำหรับผู้ที่เคยทำศัลยกรรมตาสองชั้นมาก่อน อาจพบว่าเมื่อเวลาผ่านไป ชั้นตาเริ่มหลบใน หรือมีการหย่อนคล้อยของเปลือกตา ทำให้เกิดภาวะตาเศร้าได้ เนื่องจากการผ่าตัดในอดีตอาจทำให้เกิดแผลเป็นหรือพังผืดใต้ผิวหนัง ส่งผลต่อความยืดหยุ่นของเนื้อเยื่อรอบดวงตา ทำให้ดูเหนื่อยล้าและขาดชีวิตชีวา
เกิดอุบัติเหตุรอบดวงตา
อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบริเวณรอบดวงตา เช่น การกระแทก หรือการบาดเจ็บที่ทำให้เกิดแผลเป็น อาจส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อกล้ามเนื้อหรือเส้นประสาทบริเวณรอบดวงตา ทำให้เกิดการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อเปลือกตา นำไปสู่ภาวะตาเศร้าที่ทำให้ใบหน้าดูห่อเหี่ยวและหมองคล้ำอย่างถาวร
พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน
การนอนดึก อดนอน หรือนอนไม่เพียงพอ รวมถึงความเครียดสะสม ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะตาเศร้าได้ นอกจากนี้ การใช้สายตามากเกินไป เช่น การจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ตโฟนเป็นเวลานาน ยังส่งผลให้กล้ามเนื้อรอบดวงตาอ่อนล้า เกิดการหย่อนคล้อยและดูเศร้าหมองอีกด้วย
ผลเสียของภาวะตาเศร้า
ภาวะตาเศร้าไม่ได้ส่งผลกระทบแค่ด้านความงามเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันและสุขภาพจิตใจด้วย ซึ่งผลเสียของภาวะนี้มีหลายประการที่หลายคนอาจไม่เคยนึกถึงมาก่อน
- บั่นทอนความมั่นใจ การมีตาเศร้าทำให้ใบหน้าดูไม่สดใส อิดโรย ส่งผลโดยตรงต่อบุคลิกภาพและความมั่นใจ โดยเฉพาะในสถานการณ์ทางสังคมหรือการทำงานที่ต้องพบปะผู้คน อาจทำให้ถูกมองว่าเหนื่อยล้า ไม่กระตือรือร้น หรือขาดความน่าเชื่อถือได้
- ส่งผลต่ออาชีพการงาน หลายอาชีพต้องการภาพลักษณ์ที่ดูสดใส กระฉับกระเฉง แต่ภาวะตาเศร้าอาจทำให้คุณดูเหนื่อยล้า ไม่มีพลัง ซึ่งอาจส่งผลต่อโอกาสความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน โดยเฉพาะอาชีพที่ต้องพบปะผู้คนหรืองานบริการที่ภาพลักษณ์มีความสำคัญ
- ถูกเข้าใจผิดว่าอารมณ์แย่ คนรอบข้างอาจเข้าใจผิดว่าคุณอารมณ์ไม่ดี เศร้า หรือโกรธ ทั้งที่ความจริงแล้วคุณอาจรู้สึกปกติหรือมีความสุขก็ตาม ซึ่งอาจนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่นทั้งในครอบครัวและที่ทำงาน
- ปัญหาด้านการมองเห็น ในกรณีที่เปลือกตาตกมาก อาจส่งผลต่อการมองเห็น โดยเฉพาะการมองในแนวบนและด้านข้าง ทำให้ลานสายตาแคบลง เป็นอุปสรรคต่อการทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น การขับรถ หรือการอ่านหนังสือ
- เสียเสน่ห์และความดึงดูด ดวงตาเป็นจุดเด่นบนใบหน้าที่สื่อถึงความมีเสน่ห์และความดึงดูด การมีตาเศร้าอาจลดทอนเสน่ห์และความดึงดูดนี้ไปอย่างมาก ทำให้ใบหน้าดูไม่สดใสและขาดความน่าสนใจ
- ส่งผลต่อโหงวเฮ้ง ในความเชื่อเรื่องโหงวเฮ้ง ดวงตาที่สดใสสมบูรณ์ถือเป็นมงคล แสดงถึงโชคลาภและความสำเร็จ แต่หากมีภาวะตาเศร้า อาจถูกมองว่าบั่นทอนโชคลาภและความก้าวหน้า รวมถึงอาจส่งผลต่อความมั่นคงในชีวิตตามความเชื่อทางโหราศาสตร์
ภาพประกอบการโฆษณาเท่านั้น
ตาเศร้าดูไม่สดใสแก้ไขยังไง
ปัจจุบันมีวิธีการแก้ไขภาวะตาเศร้าหลากหลายวิธี ซึ่งแต่ละวิธีมีความเหมาะสมกับปัญหาที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของภาวะตาเศร้าที่เกิดขึ้น โดยวิธีที่ได้ผลดีและได้รับความนิยมมีดังนี้
การผ่าตัดแก้หนังตาตก (Subbrow Lift)
การผ่าตัด Subbrow Lift เป็นเทคนิคแก้ไขตาเศร้าที่เกิดจากหนังตาตกหรือหย่อนคล้อย โดยทำการผ่าตัดบริเวณใต้ท้องคิ้วเพื่อตกแต่งหนังตาส่วนเกินออก แก้ไขปัญหาหนังตาที่หย่อนคล้อยจนเบียดชั้นตา ส่งผลให้เกิดตาตก หางตาตก หรือชั้นตาหลบใน การผ่าตัดนี้ใช้เทคนิค Invisible Lock ซึ่งเป็นเทคนิคซ่อนแผลพิเศษเฉพาะที่ BEAMS plastic surgery คิดค้นและพัฒนาขึ้น ทำให้รอยแผลมีขนาดเล็กและแทบมองไม่เห็น หลังการผ่าตัดจะช่วยให้ดวงตาดูโต สดใส ชั้นตาชัดเจน และดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
การยกหางตา Foxy Eyes
Foxy Eyes เป็นเทคนิคยกหางตาที่ช่วยแก้ไขปัญหาตาเศร้าจากหางตาตก ด้วยการผ่าตัดเล็กโดยการส่องกล่องลงลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อ SMAS บริเวณโหนกคิ้ว เพื่อดึงหางตาขึ้นและปรับองศาให้อยู่ในตำแหน่งที่ต้องการ การผ่าตัดทำโดยเปิดแผลเล็กๆ บริเวณเหนือแนวผมข้างขมับทั้งสองข้าง ซึ่งสามารถตกแต่งหนังตาส่วนเกินและความหย่อนคล้อยบริเวณหางตาออกได้ ที่ BEAMS plastic surgery ใช้เทคนิค Invisible lock ซึ่งเป็นการเย็บซ่อนรอยแผลขนาดเล็กไว้ในไรผม ช่วยให้หางตาเฉี่ยวขึ้น แก้ปัญหาหางตาตกได้อย่างเป็นธรรมชาติและมีประสิทธิภาพสูง
เทคนิคส่องกล้องยกคิ้ว (Endo-Brow Lift)
Endo-Brow Lift หรือการยกคิ้วด้วยเทคนิคส่องกล้อง เป็นวิธีการแก้ไขตาเศร้าด้วยเทคโนโลยีทันสมัยที่ช่วยลดขนาดแผลให้เล็กลง โดยใช้วิธีสอดกล้อง (Endoscopic Brow Lift) เข้าไปบริเวณไรผม ทำให้เกิดแผลขนาดเล็กเพียง 1-2 เซนติเมตรเท่านั้น เพื่อยกกระชับหรือดึงผิวบริเวณหางคิ้วและหางตาขึ้น จากนั้นทำการยึดเนื้อเยื่อด้วยวัสดุ Endotine ที่สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ทำให้แผลถูกซ่อนไว้ในไรผมทั้งหมดและมองไม่เห็น วิธีนี้ช่วยแก้ปัญหาคิ้วตก หางตาตก และเพิ่มพื้นที่ช่วงเหนือชั้นตา ทำให้หน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
การเตรียมตัวก่อนและหลังการแก้ไขตาเศร้า
การเตรียมความพร้อมทั้งก่อนและหลังการแก้ไขตาเศร้ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จของการรักษาและการฟื้นตัวที่รวดเร็ว โดยผู้ที่สนใจควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
การเตรียมตัวก่อนแก้ไขตาเศร้า
- ปรึกษาแพทย์อย่างละเอียด เพื่อประเมินปัญหาตาเศร้าและเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ
- งดยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน วิตามินอี หรือสมุนไพรบางชนิด อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด
- งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด เพื่อลดความเสี่ยงในการผ่าตัดและช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
- ตรวจร่างกายและเลือด ตามที่แพทย์แนะนำเพื่อประเมินความพร้อมของร่างกายก่อนเข้ารับการผ่าตัด
- เตรียมผู้ดูแลหลังผ่าตัด โดยเฉพาะใน 24 ชั่วโมงแรกหลังการผ่าตัด เนื่องจากอาจมีอาการบวมหรือช้ำที่อาจส่งผลต่อการมองเห็นชั่วคราว
- งดอาหารและน้ำ อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงก่อนการผ่าตัด (กรณีดมยาสลบ) ตามคำแนะนำของวิสัญญีแพทย์
การดูแลตัวเองหลังแก้ไขตาเศร้า
- ประคบเย็น บริเวณที่ผ่าตัดใน 48 ชั่วโมงแรกเพื่อลดอาการบวมและช้ำ
- นอนศีรษะสูง โดยใช้หมอนรองศีรษะให้สูงกว่าระดับหัวใจเพื่อช่วยลดอาการบวม
- ทำความสะอาดแผล ตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- งดออกกำลังกายหนัก อย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ หรือตามคำแนะนำของแพทย์
- หลีกเลี่ยงการเกา หรือสัมผัสบริเวณแผลผ่าตัดโดยตรง
- ทานยาตามที่แพทย์สั่ง อย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นยาปฏิชีวนะหรือยาแก้ปวด
- งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 2 สัปดาห์หลังการผ่าตัด เพื่อให้แผลหายเร็วขึ้น
- สวมแว่นกันแดด เมื่อออกแดดเพื่อป้องกันรอยแผลเป็นและการระคายเคือง
- มาตามนัด เพื่อให้แพทย์ติดตามการหายของแผลและผลลัพธ์ของการผ่าตัด
ภาพประกอบการโฆษณาเท่านั้น
สรุปเกี่ยวกับภาวะตาเศร้า
ภาวะตาเศร้าส่งผลต่อบุคลิกภาพและความมั่นใจอย่างมาก ไม่ว่าจะเกิดจากอายุที่มากขึ้น พันธุกรรม หรือพฤติกรรมการใช้ชีวิต แต่ปัจจุบันมีวิธีการแก้ไขที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพ ทั้งการผ่าตัด Subbrow Lift, Foxy Eyes หรือ Endo-Brow Lift ที่ช่วยให้ดวงตากลับมาสดใสอีกครั้ง หากคุณกำลังประสบปัญหาตาเศร้า หนังตาตก หรือหางตาตก BEAMS plastic surgery พร้อมดูแลทุกปัญหาเหล่านี้ด้วยความเชี่ยวชาญ โดยหมอบีมและทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมตกแต่งใบหน้า ที่พร้อมให้คำปรึกษาเพื่อหาแนวทางแก้ไขและผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับหมอบีม Facial Expert ผ่านช่องทางต่างๆ ได้เลยค่ะ