ร้อยไหม
(Thread Lift)
ใครยังไม่เคยมีประสบการณ์ร้อยไหม (Thread Lift) กำลังเตรียมตัวจะไปร้อยไหมครั้งแรก หมอขอแนะนำไหมละลายที่มีชื่อว่า ไหมมิ้นท์ (Mint Lift) ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นเส้นไหมสำหรับทำหัตถการร้อยไหมที่ดีที่สุดในตอนนี้ เพราะเป็นไหมที่อยู่ได้นานกว่าไหมชนิดอื่น ปลอดภัยต่อร่างกาย และที่สำคัญสามารถละลายได้หมด ไม่เหลือตกค้างในร่างกาย สำหรับคนที่อยากร้อยไหม ยกกระชับหน้า ลดร่องแก้ม ยกมุมปากตก ลดเหนียง หรือยกหางตา ไม่ผ่าตัด ด้วยการร้อยไหมยกหางตา แก้ปัญหาหางตาตกแบบตรงจุด อย่าพลาดสาระดีๆ เกี่ยวกับการร้อยไหมมิ้นท์ (Mint Lift) หมอมั่นใจถึงนวัตกรรมของไหมตัวนี้ว่ามีคุณสมบัติที่ดี และตอบโจทย์การยกกระชับ พร้อมผลลัพธ์หลังทำที่ดีมากๆ ก็เลยนำเข้ามารักษาให้กับคนไข้ Blossom Clinic
ไหมมิ้นท์ (Mint Lift) คืออะไร? หมอบีม Facial Expert มีคำตอบ
ก่อนอื่นมารู้จักการร้อยไหม (Thread Lift) เริ่มตั้งแต่ทำความรู้จักกันก่อนว่าการร้อยไหม คืออะไร? ร้อยไหม มีกี่แบบ? วัสดุทำเส้นไหม มีแบบไหนบ้าง? แล้วพาเจาะลึกว่าไหมมิ้นท์ คืออะไร? รู้จุดเด่นของไหมมิ้นท์ (Mint Lift) ไหมมิ้น เหมาะกับใคร? การร้อยไหมมิ้นท์ ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง? รวมถึงข้อดีของการร้อยไหมมิ้นท์ (Mint Lift) ไปจนถึงข้อควรรู้ ก่อนร้อยไหมมิ้นท์ (Mint Lift) และการดูแลตัวเองหลังทำ ต้องทำอย่างไรบ้าง? อยากรู้ทั้งหมด ติดตามอ่านข้อมูลแบบจัดเต็มได้ในบทความนี้เลย
ร้อยไหม (Thread Lift) คืออะไร?
ร้อยไหม คือ การนำเส้นไหมละลายทางการแพทย์ที่มีเงี่ยง ซึ่งใช้ในการเกี่ยวดึงผิวหนังจากภายใน ใช้สอดเข้าไปในชั้นไขมันใต้ผิวหนังบริเวณที่มีความหย่อนคล้อย เพื่อยกกระชับผิวหน้าขึ้น และยังช่วยในการสร้างคอลลาเจน สร้างเนื้อเยื่อผิวใหม่ ลดริ้วรอย สามารถยกกระชับใบหน้าได้ตั้งแต่บริเวณหางตา ไปจนถึงใบหน้าส่วนล่าง เหมาะกับคนที่มีปัญหาหางตาตก หน้าแก้มหย่อนคล้อย มีกระเปาะแก้ม มีร่องน้ำหมาก ร่องแก้มลึก มีเหนียง มีริ้วรอย กรอบหน้าไม่ชัด ต้องการยกกระชับใบหน้า หรือปรับรูปหน้า โดยไม่ผ่าตัด หลังทำเห็นผลลัพธ์หน้าเต่งตึง ผิวดูเรียบขึ้น ใบหน้ายกกระชับเรียวสวยได้รวดเร็วทันใจ
ร้อยไหม มีกี่แบบ?
- ไหมละลาย
ไหมละลาย เป็นเส้นไหมที่สามารถละลายได้เองตามธรรมชาติ โดยไม่สะสมตกค้างในร่างกาย ทำให้มีความปลอดภัยสูง ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) ประเทศไทย และ FDA จากอเมริกา เช่น ไหมมิ้นท์ ไหมก้างปลา เป็นต้น ไหมละลายสามารถอยู่ได้นาน 4 เดือน – 2 ปี ขึ้นอยู่กับประเภทของเส้นไหม และสภาพผิวของแต่ละบุคคล
- ไหมไม่ละลาย
ไหมไม่ละลาย คือ เส้นไหมที่ทำจากวัสดุประเภทโลหะ สามารถอยู่ในร่างกายได้ถาวร โดยไม่ละลาย เช่น ไหมทองคำ ไหมพลาสติกพอลิโพรไพลีน (Polypropylene) ซึ่งมีความเปราะบาง แตกหักง่าย มีความปลอดภัยต่ำ อาจทำให้เกิดความเสี่ยงติดเชื้อในอนาคตได้ โดยไหมไม่ละลายนี้ ไม่ผ่านอย.ในประเทศไทย ส่งผลให้ปัจจุบันไม่นิยมใช้แล้ว
เส้นไหม ทำจากวัสดุแบบไหนบ้าง?
- วัสดุร้อยไหม PDO
ไหม PDO ย่อมาจาก Polydioxanone เส้นไหมสีน้ำเงิน เป็นไหมละลายที่มีความนิ่ม ยืดหยุ่นสูง ไม่เปราะแตกง่าย ไม่ทำให้เกิดการระคายเคือง ถูกนำมาใช้ทางการแพทย์ในการเย็บแผลอย่างแพร่หลาย ตั้งแต่เมื่อ 30 กว่าปีที่แล้วเป็นต้นมา เช่น ใช้ในการผ่าตัดศัลยกรรมหัวใจ และยังเป็นไหมชนิดแรกในโลกที่ถูกนำมาใช้ในแวดวงความงาม โดยใช้กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ให้ผลลัพธ์ผิวยกกระชับยาวนานร่วม 6 เดือน - วัสดุร้อยไหม PLLA
ไหม PLLA ย่อมาจาก Poly-L Lactic Acid เส้นไหมละลายสีขาว ทนต่อแรงดึงได้ดีที่สุด แต่ยืดหยุ่นน้อยกว่าไหม PDO มีความเปราะบาง ขาดง่าย เป็นไหมที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดีมาก อายุการใช้งานน้อยกว่า 1 ปี - วัสดุร้อยไหม PCL
ไหม PCL ย่อมาจาก Polycaprolactone เส้นไหมละลายสีขาว มีความยืดหยุ่นสูง ทนทาน ไม่เปราะ ไม่หักง่าย เป็นวัสดุไหมที่อยู่ได้นานที่สุด
ไหมละลายแต่ละแบบ ใช้งานต่างกันอย่างไร?
- ไหมเรียบ (Mono threads)
มีลักษณะเป็นเส้นไหมเรียบๆ ไม่มีเกลียว ไม่มีเงี่ยง ใช้ในการร้อยไหมคอลลาเจน เน้นใช้ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนผิว ร้อยไหมในชั้นผิวตื้น ช่วยให้ชั้นผิวฟูขึ้น ดูกระชับ แต่ต้องใช้เส้นไหมจำนวนมาก ทำให้ปัจจุบันไม่นิยมใช้แล้ว
- ไหมเกลียว (Screw threads)
ลักษณะคล้ายไหมเรียบ 2 เส้นพันกันเป็นเกลียว ใช้ยกกระชับผิว กรณีที่ผิวไม่หย่อนคล้อยมาก หรือใช้ในการเติมเต็มผิวที่ยุบตัวลง เช่น บริเวณผิวที่เป็นหลุมสิว รูขุมขนกว้าง เป็นต้น
- ไหมเงี่ยง (Barb threads)
ไหมเงี่ยง (Barb threads) หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อของการร้อยไหมก้างปลา เพื่อเกี่ยวยกผิวในระดับความลึกถึงชั้นไขมันใต้ผิวและชั้นกล้ามเนื้อ มักใช้ในการร้อยไหม ยกกระชับหน้า ร้อยไหมยกแก้ม หรือร้อยไหมยกหางตา เป็นต้น หลังทำจะช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยให้ตึงกระชับขึ้น และยังช่วยปรับรูปหน้าให้หน้าเรียวขึ้น รูปทรงใบหน้าดูวีเชฟ สวยขึ้น
ปัจจุบันมีการพัฒนาต่อยอดวัสดุไหม PDO ใหม่ล่าสุด ในชื่อไหมมิ้นท์ (Mint Lift) เป็นเส้นไหมที่มีการหล่อเงี่ยงล้อมรอบตลอดแนวเส้น เพื่อให้สามารถสร้างแรงดึงได้สูง มีความแข็งแรงทนทาน อยู่ได้นาน และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้รอบทิศแบบ 360 องศา ช่วยให้ยกกระชับผิวหน้าได้ดี
ไหมมิ้นท์ คืออะไร?
Mint Lift (Minimal Invasive Non surgical Thread) หรือ ไหมมิ้นท์ คือ ไหมละลายที่มีเงี่ยงอยู่รอบเส้นไหม นำเข้าโดยบริษัท HansBiomed จากประเทศเกาหลีใต้ ผลิตจากวัสดุไหม PDO (Polydioxanone) ที่มีความปลอดภัยสูง ไหมมิ้นถูกใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์มานานหลายสิบปีแล้ว ในการรักษาโรคหัวใจ โดยไม่มีผลแทรกซ้อน จึงสามารถนำมาใช้กับใบหน้าของคนไข้ได้อย่างปลอดภัย เป็นไหมชนิดเดียวที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก อย.ประเทศไทย สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่ตกค้างในร่างกาย ไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดผลแทรกซ้อนหลังทำ ใช้ร้อยไหมปรับรูปหน้า ช่วยยกกระชับใบหน้า หรือดึงหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด แก้ปัญหาผิวที่หย่อนคล้อยให้ตึงกระชับขึ้น และยังกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนผิวอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ลง สามารถสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจน รวดเร็ว และให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน
ไหมมิ้นท์ รุ่นที่หมอบีม เลือกใช้ที่ Blossom clinic
หมอเลือกไหมมิ้นท์ รุ่น FINE ซึ่งเป็นเข็มปลายทู่ จึงไม่เสี่ยงโดนเส้นเลือดและเส้นประสาท ทำให้มีความปลอดภัยสูง และช่วยให้บวมช้ำน้อย โครงสร้างของเงี่ยงไหมมิ้นท์ เกิดจากกระบวนการหลอมรวมเข้ากับตัวเส้นไหมตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต ด้วยเทคโนโลยีลิขสิทธิ์เฉพาะของบริษัท HansBiomed ทำให้ไหมมิ้นท์มีความแข็งแรงกว่าไหมทั่วไป
หลักการทำงานของไหมมิ้นท์ (Mint Lift)
Mint Lift หรือไหมมิ้นท์ จะเข้าไปยึดเกาะผิวชั้นกล้ามเนื้อ (SMAS) ชั้นเดียวกับที่แพทย์ใช้ผ่าตัดดึงหน้า สามารถยกกระชับได้ดี ยาวนาน และเห็นผลกว่าไหมทั่วไป จากนั้นคอลลาเจนและอิลาสตินจะเข้ามาเกาะรอบๆ ไหมมิ้นท์ โดยที่ตัวไหมมิ้นท์จะสลายออกไปตามกาลเวลา คงเหลือเฉพาะคอลลาเจนและอิลาสติน ที่ช่วยพยุงให้ผิวกระชับ ดูอ่อนเยาว์
จุดเด่นของไหมมิ้นท์ (Mint Lift)
- Mint Lift ขึ้นโครงสร้างเงี่ยงไหมแบบสามมิติ (3D) เป็นลักษณะ 360 Degree Helical Pattern รอบเส้นไหมมีเงี่ยงทรงคล้ายโคนไอศกรีมคว่ำ เรียงตัวเป็นเกลียวตลอดแนวเส้นไหม ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะจากบริษัท HansBiomed
- เส้นไหมผลิตโดยใช้หลักการกดอัด (Press Molding) ทำให้เงี่ยงรวมเป็นเนื้อเดียวกับเส้นไหม ไม่มีรอยบาก หรือรอยแยก ทำให้ไหมมิ้นมีความแข็งแรงสูง
- ไหมมิ้นทนทานกว่าไหมทั่วไปถึง 4 เท่า
- หลังทำ ไหมละลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่ตกค้างในร่างกาย
- ได้รับการรับรองมาตรฐานจากองค์การอาหารและยา จากนานาประเทศทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็น USA FDA, Korea FDA, Japan FDA, India FDA, Mexico FDA, Thai FDA และ KFDA Korea
ร้อยไหมมิ้นท์ ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง?
- หางตาตก
ไหมมิ้นท์ช่วยเปลี่ยนตาเศร้า ดูอิดโรย เป็นดวงตาเฉี่ยวขึ้น ดูเด็กลง - แก้มหย่อนคล้อย มีกระเปาะแก้ม
หลังร้อยไหมมิ้นท์ ช่วยยกกระชับแก้มขึ้น ลดกระเปาะแก้ม ทำให้ใบหน้าได้สัดส่วนขึ้น - ผิวหน้ามีริ้วรอย
หลังทำ จะช่วยให้ผิวบริเวณหางตาเต่งตึงขึ้น ลดริ้วรอยบนใบหน้าจางลง ผิวหน้าดูเรียบขึ้น ดูอ่อนเยาว์ - ร่องแก้มลึก ร่องน้ำหมากชัด
ต้องการลดร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก สามารถใช้ไหมมิ้น ดึงยกหน้าแก้มขึ้น ช่วยให้ร่องแก้มและร่องน้ำหมากดูตื้น - มุมปากตก ทำให้หน้าดูดุ
หลังร้อยไหม ช่วยยกมุมปากขึ้น ทำให้เรียวปากสวยได้รูปมากขึ้น ปากไม่คว่ำลง ดูยิ้มแย้มแจ่มใสขึ้น - มีคางสองชั้น ต้องการลดเหนียง
ไหมมิ้น ช่วยดึงหน้าส่วนล่าง ยกกระชับไขมันใต้คาง ลดเหนียงให้น้อยลง คางดูสวยได้สัดส่วน - หน้าไม่ได้สัดส่วน กรอบหน้าไม่ชัด
การร้อยไหมมิ้นท์ ช่วยปรับรูปหน้า ลิฟกรอบหน้าชัด ทำให้ใบหน้าได้รูป ดูหน้าเรียวมากยิ่งขึ้น
ไหมมิ้นท์ (Mint Lift) เหมาะกับใครบ้าง?
- คนที่มีผิวหน้าหย่อนคล้อย จากปัญหาผิวเสื่อมตามวัย ประมาณ 35+ ที่รูปหน้าเริ่มเปลี่ยนไป ทำให้หน้าไม่เรียว ไม่ได้สัดส่วน เช่น หน้าย้อย แก้มห้อย มีกระเปาะแก้ม เป็นต้น
- คนที่ต้องการยกกระชับใบหน้า โดยไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องพักฟื้น
- คนที่ไขมันหน้ามีความหย่อนคล้อย ไขมันฝ่อตัวลง หรือไขมันจากใบหน้าส่วนบนย้อยลงไปอยู่ใบหน้าส่วนล่าง
- คนที่มีปัญหาหางตาตก หางคิ้วตก มุมปากตก
- คนที่มีปัญหาริ้วรอยร่องลึก เช่น รอยตีนกา ร่องแก้มลึก ร่องน้ำหมาก
- คนที่ยังอายุไม่มาก แต่มีความหย่อนคล้อย ก็สามารถร้อยไหมมิ้นท์ได้
ข้อดีของการร้อยไหมมิ้นท์ (Mint Lift)
- ไหมมิ้นผลิตจากไหมละลายวัสดุ PDO (Polydioxanone) มีความปลอดภัยสูง ผ่านมาตรฐาน อย. ทั่วโลก
- ไหมมิ้นจะเข้าไปเกาะยึดกับผิวชั้นไขมัน สามารถยกกระชับได้ดี ให้ผลลัพธ์ยาวนาน และเห็นผลได้ชัดเจนกว่าไหมทั่วไป
- หลังร้อยไหม จะช่วยในการกระตุ้นคอลลาเจนและอิลาสตินให้มาเกาะรอบๆ ไหมมิ้น เมื่อไหมละลายหมดแล้ว (ใช้เวลาประมาณ 6-8 เดือน) แต่คอลลาเจนและอิลาสตินจะยังคงอยู่ในผิว ช่วยพยุงผิวหน้าให้ยกกระชับ ดูอ่อนเยาว์
- ไหมมิ้นแข็งแรงทนทานกว่าไหมทั่วไปถึง 4 เท่า สามารถเพิ่มแรงเกี่ยวดึงผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ใช้เข็มปลายทู่ ไม่เสี่ยงโดนเส้นเลือดและเส้นประสาท ช่วยให้บวมช้ำน้อย
- ปลอดภัยสูง เพราะไหมมิ้นสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติทั้งหมด 100% ไม่สะสมตกค้าง ไม่เสี่ยงเกิดผลข้างเคียงต่อร่างกาย
- ผลลัพธ์ของการยกกระชับผิวหน้าจะอยู่ได้นานถึง 12-18 เดือน (ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)
- แทบไม่มีแผลหลังทำ ใช้เวลาพักฟื้นน้อย
ข้อควรรู้ ก่อนร้อยไหมมิ้นท์ (Mint Lift) และการดูแลตัวเองหลังทำ
- การเตรียมตัวก่อนทำ
- ก่อนทำ ควรงดวิตามินหรืออาหารเสริม อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพื่อป้องกันไม่ให้เลือดออกเยอะ และช่วยลดอาการบวมช้ำหลังทำ
- คนที่มีโรคประจำตัว หรือตั้งครรภ์ ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบล่วงหน้า เพื่อการวางแผนรักษาที่เหมาะสม รวมถึงกลุ่มคนไข้ที่มีโรคประจำตัว และมียาที่ต้องรับประทานอยู่เป็นประจำ อาจได้รับคำแนะนำให้หยุดยาก่อนเข้ารับบริการ
- ทำใจให้สบาย ไม่เครียด เพราะในการร้อยไหมมิ้นท์ ที่ Blossom Clinic หมอจะแปะยาชาร่วมกับการฉีดยาชา เพื่อช่วยระงับความเจ็บปวดตลอดการทำหัตถการ ทำให้คนไข้รู้สึกถึงความเจ็บน้อยมากๆ
- การดูแลตัวเองหลังทำ
- ควรงดสัมผัสใบหน้าแรงๆ หลังทำช่วงแรกๆ อย่างน้อย 3-5 วัน
- หลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์ ประมาณ 1 สัปดาห์
- งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ ประมาณ 1 สัปดาห์
- ระมัดระวังไม่หาวโดยอ้าปากกว้าง หรือหัวเราะอย่างรุนแรง ในช่วง 1 สัปดาห์หลังทำใหม่ๆ เพื่อลดความเสี่ยงไหมหลุดออกจากบริเวณที่ล็อกเอาไว้
- งดนวดหน้า 1-2 เดือน
- รับประทานยาตามคำแนะนำของหมอและเจ้าหน้าที่ของทางคลินิกอย่างเคร่งครัด เพื่อผลลัพธ์ที่ดี ไม่เสี่ยงเกิดผลแทรกซ้อน เช่น รับประทานยาฆ่าเชื้อ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ เป็นต้น
- หากมีอาการบวม หรือมีรอยช้ำ สามารถประคบเย็น เพื่อช่วยลดภาวะบวมช้ำได้
- หลีกเลี่ยงท่านอนตะแคง หรือนอนคว่ำ ในช่วงหลังทำใหม่ๆ
- เลี่ยงออกกำลังกายหนักๆ ในช่วงแรก
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในบริเวณที่มีอุณหภูมิสูง เช่น ห้องซาวน่า หรือโดนแดด โดยไม่มีสิ่งป้องกัน ประมาณ 2 สัปดาห์
- ผลลัพธ์หลังร้อยไหมมิ้นท์ (Mint Lift)
- หลังทำทันที จะรู้สึกตึงมาก และบางกรณีอาจมีอาการบวมช้ำเกิดขึ้นได้บ้าง
- หลังทำ 1 สัปดาห์ จะเริ่มรู้สึกถึงการยกกระชับ ความเจ็บ ความบวมช้ำจะเริ่มหายไปจนเกือบหมด
- หลังทำ 1 เดือน ผิวหน้าจะตึงกระชับ ใบหน้าเริ่มเข้าที่ ดูเป็นธรรมชาติ
ชมวิดีโอ หมอบีมชวนคุย เรื่องของ #MINTLIFT โปรแกรมร้อยไหม ฉบับบจัดเต็ม!
Reviews
- เพศ : หญิง
- อายุ : 26 - 30 ปี
- หัตถการ : Mint Lift
- เพศ : หญิง
- อายุ : 26 - 30 ปี
- หัตถการ : Mint Lift
- เพศ : หญิง
- อายุ : 26 - 30 ปี
- หัตถการ : Mint Lift
FAQ คำถามยอดฮิต ของการร้อยไหมมิ้นท์ (Mint Lift)
หลังร้อยไหมมิ้น สามารถมองเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังทำ แต่จะเห็นผลชัดขึ้น เมื่อความบวมเริ่มหายไป ประมาณ 1-2 สัปดาห์ และจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนในช่วง 1 เดือนหลังทำ
หลังร้อยไหมมิ้นท์ ผลลัพธ์ของการยกกระชับจะอยู่ได้ยาวนาน 12-18 เดือน หรือ 1 ปี - 1 ปีครึ่งเลยทีเดียว ทั้งนี้ระยะเวลาของผลลัพธ์ จะขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
- คนที่มีลักษณะแก้มตอบมากๆ ไม่มีปริมาณไขมันเพียงพอ จะไม่สามารถใช้การร้อยไหม เพื่อช่วยปรับรูปหน้า ให้บริเวณแก้มดูเต็มขึ้นได้
- คนที่มีโหนกแก้มใหญ่ และมีไขมันแก้มเยอะ การร้อยไหมอาจทำให้โหนกแก้มดูใหญ่กว่าเดิม
- คนที่มีประวัติการเกิดแผลคีลอยด์
- คนที่แพ้ยาชา หรือแพ้ไหม หากร้อยไหมจะทำให้เกิดอาการบวมแดง หรืออาการคัน ระคายเคือง
- คนที่มีภาวะผิดปกติเกี่ยวกับเลือด เช่น โรคฮีโมฟีเลีย หรือโรคเลือดออกง่ายหยุดยาก
- คนที่เคยฉีดสารเติมเต็มแบบถาวร เช่น สารเหลว ซิลิโคน เป็นต้น หากร้อยไหม อาจกระตุ้นให้เกิดการติดเชื้อ หรือบริเวณเติมสารเหลว จะมีพังผืดเกาะหนาและเหนียว จนอาจทำให้การร้อยไหมไม่ได้ผล
ไหมละลาย มีคุณสมบัติในการสลายหมดได้เองตามธรรมชาติ โดยใช้เวลาแตกต่างกันตามแต่ชนิดและวัสดุที่ใช้ในการผลิตไหม ซึ่งไหมมิ้นท์ (Mint Lift) จะใช้เวลาในการละลายประมาณ 6-8 เดือน โดยไม่สะสมตกค้างในร่างกาย
วัสดุร้อยไหม PDO (Polydioxanone) เป็นไหมชนิดเดียวที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก อย.ประเทศไทย ซึ่งแพทย์ใช้ไหมชนิดนี้ในการผ่าตัดหัวใจมานานหลายสิบปีแล้ว ไหมมิ้นจึงมีความปลอดภัยสูง สามารถนำมาใช้ร้อยไหมยกกระชับใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่มีผลข้างเคียง นอกจากนี้ไหมมิ้นท์ รุ่น FINE ที่ Blossom Clinic เลือกใช้ยังเป็นรุ่นเข็มปลายทู่ที่มีความปลอดภัยสูง ไม่เสี่ยงโดนเส้นเลือดและเส้นประสาท ส่งผลให้หลังทำบวมช้ำน้อย จนแทบไม่ต้องพักฟื้น
ไหมมิ้นท์ จัดอยู่ในไหมก้างปลาเช่นกัน เพราะมีลักษณะเป็นไหมเงี่ยงเช่นเดียวกัน แต่โครงสร้างตัวเงี่ยงของไหมมิ้นท์ จะมีลักษณะเป็นหนามที่หล่อขึ้นพร้อมกับเส้นไหม ทำให้มีความแข็งแกร่งและทนทาน มีแรงดึงมากกว่าไหมทั่วไปถึง 4 เท่า จึงให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่า เทคโนโลยีดังกล่าวเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของบริษัท HansBiomed
- ตึงผิวหน้า ในช่วงแรกหลังร้อยไหม อาจทำให้คนไข้รู้สึกเหมือนโดนดึงผิวหน้าอยู่ตลอดเวลา ซึ่งอาการตึงผิวหน้า จะหายได้เองในช่วง 1-2 สัปดาห์
- อาการบวม เกิดขึ้นได้ในช่วง 3-4 วัน จะค่อยๆ ยุบบวมได้เอง โดยใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์
- รู้สึกถึงก้อนใต้ผิว ก้อนหรือไต คือผิวที่หย่อนคล้อยที่ถูกดึงไปรวมกัน และจะหายได้เอง เมื่อใบหน้าเข้าที่เรียบร้อยแล้ว
- ผิวเป็นคลื่น หรือมีรอยบุ๋มหลังร้อยไหม อาจเกิดจากการดึงรั้งของเส้นไหม อาการนี้สามารถหายได้เอง เมื่อใบหน้าเข้าที่ ใช้เวลาประมาณ 1 เดือน
- หากต้องการผลัดเซลล์ผิว แวกซ์ผิวหน้า หรือโกนขนบริเวณที่ต้องการทำหัตถการร้อยไหม ควรเข้ารับบริการล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วันก่อนร้อยไหม
- การทำเลเซอร์ทุกชนิด ควรเว้นระยะ 3 วันก่อนร้อยไหม และ 1-2 สัปดาห์หลังร้อยไหม เพราะความร้อนจากเครื่องเลเซอร์อาจกระตุ้นการอักเสบของผิวได้
- หากต้องการเติมฟิลเลอร์หลังร้อยไหม ควรเว้นระยะประมาณ 1 เดือน เพื่อให้เห็นผลลัพธ์หลังร้อยไหมที่ชัดเจน ช่วยให้สามารถพิจารณาบริเวณผิวที่เหมาะกับการเติมฟิลเลอร์ได้อย่างแม่นยำ
- หลีกเลี่ยงการทำฟันหลังร้อยไหมช่วงแรกๆ เพราะเป็นหัตถการที่ต้องอ้าปากกว้างมากๆ ขณะทำ จึงควรงดเว้นการรับบริการทางทันตกรรม หลังร้อยไหมอย่างน้อย 1 เดือน
- งดทำทรีตเมนต์นวดหน้า ก่อนร้อยไหม 3 วัน และหลังร้อยไหมประมาณ 1-2 เดือน เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และป้องกันเส้นไหมขยับผิดตำแหน่ง