กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Sculptra)

กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
(Sculptra)

ปีนี้เรียกได้ว่าเป็นปีของ Collagen Biostimulator หรือสารกระตุ้นทางชีวภาพที่ช่วยในการเร่งการสร้างคอลลาเจนให้ผิวดูแน่นกระชับ ย้อนวัยหน้าเด็ก เลยก็ว่าได้นะคะ สอดคล้องกับความต้องการของคนไข้ของหมอที่มักจะพูดว่า “อยากหน้าเด็ก” “อยากผิวใส หน้าเด้ง ทำยังไงดี?” “อยากเติมคอลลาเจนผิว หมอแนะนำโปรแกรมไหน?” เป็นคำถามที่หมอได้ยินจากคนไข้บ่อยๆ เลยค่ะ ก่อนอื่นเลยทราบไหมคะว่าทำไมร่างกายคนเราถึงต้องการคอลลาเจน? คอลลาเจนช่วยอะไร? แล้วคอลลาเจนในร่างกายมีกี่แบบ? คอลลาเจนสำคัญอย่างไร? แล้ว ฉีด Sculptra เป็น Collagen Biostimulator ที่ช่วยฟื้นฟูคอลลาเจนที่ดีที่สุดในตอนนี้จริงไหม? ใครอยากผิวเด้ง หน้าเด็กลง ต้องอย่าพลาดบทความนี้

ผิวหน้าดูมีอายุ หรือผิวแก่ เป็นคำที่แน่นอนว่าไม่มีใครอยากได้ยิน แต่หลีกเลี่ยงได้ยากเมื่ออายุมากขึ้น ความจริงแล้วผิวแก่ สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกชั้นผิว ซึ่งใบหน้าของคนเรา แบ่งออกเป็น 5 ชั้น

คอลลาเจนคืออะไร? ทำไมผิวถึงต้องการคอลลาเจน?

คอลลาเจน คือ เส้นใยโปรตีนที่ทำให้เซลล์ต่างๆ ในร่างกายยึดเกาะประสานกัน ผิวหนังมีคอลลาเจนเป็นองค์ประกอบหลัก ช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้น แข็งแรง ยืดหยุ่น เต่งตึงกระชับ นั่นเป็นคำตอบที่ว่าคอลลาเจนช่วยอะไร? โดยปกติร่างกายของเราสามารถสร้างคอลลาเจนได้เองตามธรรมชาติ จนเมื่ออายุประมาณ 25 ปีขึ้นไป ร่างกายจะเริ่มสร้างคอลลาเจนได้น้อยลง คอลลาเจนใหม่เกิดช้ากว่าการสลายของคอลลาเจน ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น ดูหย่อนคล้อย ไม่กระชับ เริ่มมีริ้วรอยบนใบหน้า

คอลลาเจนในร่างกาย มีกี่ชนิด?

โดยธรรมชาติ คอลลาเจนในร่างกายของคนเรามี 20 กว่าชนิดเลย แต่จะมีชนิดที่สำคัญมากๆ อยู่เพียง 5 ชนิด และชนิดที่สำคัญที่สุด ซึ่งมีมากที่สุดในร่างกาย ประมาณ 60% เลยทีเดียว ก็คือคอลลาเจนชนิดที่ 1 ซึ่งเรียกว่า Collagen Type 1 ซึ่งมีอยู่ในกระดูกและผิวหนังของเรานั่นเอง Collagen Type 1 เป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างผิวหนัง ผนังหลอดเลือด เส้นเอ็น ช่วยให้เนื้อเยื่อยืดหยุ่นและคงสภาพได้ ไม่มีปัญหาเนื้อเยื่อฉีกขาด

คอลลาเจนสำคัญอย่างไร?

คอลลาเจนอยู่ในชั้นผิวหนัง โดยมีสเต็มเซลล์ (Stem cell)  สำคัญชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblasts) เป็นตัวตั้งต้นในการผลิตคอลลาเจน รวมถึงผลิตกรดไฮยาลูโรนิค หรือ Hyaluronic Acid ที่เรียกสั้นๆ ว่า HA และอิลาสตินที่ช่วยเสริมสร้างให้ผิวพรรณดูเต่งตึงกระชับด้วย

ตอนเด็กๆ ร่างกายของเราจะผลิตคอลลาเจนได้เต็มที่ ในชั้นผิวหนังจะเต็มไปด้วยใยคอลลาเจน ลักษณะเป็นเส้นใยสีชมพูดูอวบอิ่ม แต่พออายุมากขึ้น รวมถึงปัจจัยอื่นๆ เช่น รังสี UV จากแสงแดด ความเครียด การดื่มแอลกอฮอล์ ที่ส่งผลให้เส้นใยคอลลาเจนภายในผิว ที่เคยเป็นเส้นที่ดูอวบอิ่ม กลายเป็นเส้นเล็กๆ ดูแห้งเหี่ยวลงตามวัย

คอลลาเจนลดลงตามวัย

คอลลาเจนในร่างกายของคนเราลดลงตามวัย ซึ่งจะเริ่มลดลงเมื่ออายุประมาณ 25 ปีเป็นต้นไป โดยลดลงเฉลี่ย 1-2% ต่อปี เมื่ออายุประมาณ 45 ปี คอลลาเจนในร่างกายของเราจะหายไปประมาณ 1 ใน 4 ของทั้งหมดแล้ว และจะยังคงลดลงไปอย่างต่อเนื่อง ตามอายุที่มากขึ้น ส่งผลให้ผิวเกิดการหย่อนคล้อย แห้งกร้าน มีริ้วรอย หมองคล้ำ ไม่อิ่มฟู ดูไม่อ่อนเยาว์

คอลลาเจนในร่างกายของคนเราลดลงตามวัย

Sculptra คืออะไร? หมอบีม Facial Expert มีคำตอบ

กลไกการออกฤทธิ์ของตัวยา Sculptra

  1. ตัวยา Sculptra จะถูกผสมด้วย Sterile water ใช้ในการฉีดลงสู่ผิวหนังชั้นลึก (Subcutaneous) ซึ่ง Sculptra จะมีลักษณะเป็นเนื้อเจล มีความยืดหยุ่นสูง
  2. หลัง ฉีด Sculptra ผิวที่หย่อนคล้อยจะดูอิ่มฟูขึ้นทันที จากปริมาตรของ Sterile water ที่ฉีดเข้าไป
  3. หลังทำประมาณ 3 วัน ร่างกายจะเริ่มดูดซึมน้ำ ให้เหลือเพียงอนุภาคของ Sculptra ที่จะเริ่มทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ
  4. Sculptra จะได้รับการกระตุ้นโดยระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้มีแมคโครฟาจ (Macrophages) หรือเซลล์เม็ดเลือดขาวที่เป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกันมาล้อมรอบอนุภาคของ Sculptra พร้อมส่งสัญญาณให้เซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) หรือเซลล์ต้นกำเนิดของการสร้างเส้นใยคอลลาเจน มารวมตัวกันเป็นจำนวนมาก
  5. อนุภาคของ Sculptra หรือ Poly-L-Lactic acid (PLLA) จะทำปฏิกิริยากับไฟโบรบลาสต์ ให้ผลิตเส้นใยคอลลาเจนเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากถึง 66.5% ส่งผลให้ผิวฟู แน่น อิ่มเอิบ
  6. หลังทำเมื่อเวลาผ่านไป อนุภาคของ Sculptra จะค่อยๆ หมดไป โดยแมคโครฟาจ จะทำหน้าที่กำจัดตัวยาให้สลายหมดจากร่างกายตามธรรมชาติ แต่เส้นใยคอลลาเจนจะยังคงสะสมอยู่ใต้ผิว ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้แข็งแรงขึ้นในระยะยาว
  7. ผิวหน้ากระชับ เต่งตึง คุณภาพผิวดีขึ้น ผลลัพธ์ยาวนานถึง 25 เดือน

Sculptra ช่วยอะไรได้บ้าง?

  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว
  • ลดริ้วรอย ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์ลง
  • ผิวมีความยืดหยุ่น ดูอ่อนวัย
  • ยกกระชับผิว ลดความหย่อนคล้อย ให้ผิวเรียบกระชับ
  • ฟื้นฟูโครงสร้างผิว ให้ผิวแข็งแรงในระยะยาว

Sculptra เหมาะกับใคร?

  • คนที่มีอายุประมาณ 25-30 ปีขึ้นไป และเริ่มรู้สึกถึงปัญหาผิวหน้าไม่กระชับ
  • คนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ขาดความยืดหยุ่น จากการที่ร่างกายผลิตคอลลาเจนได้น้อยลงตามวัย ทำให้มีริ้วรอย ร่องใต้ตา ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก หรือมีริ้วรอยทั่วใบหน้า
  • คนที่มีผิวพรรณไม่เปล่งปลั่ง ที่อาจเกิดจากแสงแดด ความเครียด หรือผิวขาดการดูแลมาเป็นเวลานาน
  • คนที่ต้องการฟื้นฟูโครงสร้างผิว ให้แข็งแรง ด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ ที่ปลอดภัย
  • คนที่ต้องการผลลัพธ์การฉีดที่ยาวนาน เพราะไม่มีเวลาฉีดบ่อยๆ

Sculptra ต้องฉีดกี่ขวด? พร้อมวิธีคำนวณปริมาณยาที่ต้องใช้

ปริมาณการฉีด Sculptra ขึ้นอยู่กับอายุของคนไข้ ซึ่งวิธีคำนวณปริมาณยาที่ต้องใช้ ทำได้เบื้องต้น โดยสามารถอายุของคนไข้ หาร 10 จะเท่ากับจำนวนขวด หรือ Dose ที่ต้องใช้ (1 ขวด มีตัวยาปริมาตร 10 cc) เช่น คนไข้อายุ 40 ปี จะต้องใช้ Sculptra = 40/10 = 4 ขวดนั่นเอง แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคุณภาพผิวเดิมของคนไข้ รวมถึงประวัติการทำหัตถการอื่นๆ ร่วมประเมินด้วย

ความถี่ในการฉีด

  • การฉีด Sculptra ควรฉีดห่างกัน 4-6 สัปดาห์ ต่อเนื่องกัน 2-3 ครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งสามารถฉีดได้ไม่เกิน 1-2 ขวดเท่านั้น *ทั้งนี้จำนวนโดส (ขวด) จะขึ้นอยู่กับอายุของคนไข้ด้วย
  • หลังฉีด Sculptra ครั้งแรก จะเริ่มเห็นผลในช่วง 3 สัปดาห์
  • หลังฉีดประมาณ 3 เดือนขึ้นไป จะเห็นผลได้ชัดเจน จากนั้นสามารถให้หมอประเมินผิว เพื่อพิจารณาการฉีดในครั้งถัดไปได้

ผลลัพธ์หลังทำ

ผลลัพธ์ของการฉีด Sculptra  แบ่งออกเป็น 2 ช่วง

  • ช่วงที่ 1
    ในช่วงแรกจะมีการบวมน้ำเกิดขึ้น ซึ่งเป็นอาการปกติหลังฉีด Sculptra หลังฉีดเสร็จทันที คนไข้อาจจะรู้สึกว่าผิวฟู ผิวยกทันที หน้าดูเด็ก แต่การบวมน้ำจะหายไปภายใน 3 วันหลังทำ จากนั้นใบหน้าของคนไข้จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติระยะหนึ่งก่อนที่ Sculptra จะเริ่มออกฤทธิ์

  • ช่วงที่ 2
    Sculptra
    จะเริ่มออกฤทธิ์กระตุ้นไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ที่ทำหน้าที่เป็นโรงงานผลิตคอลลาเจนในร่างกาย กระตุ้นคอลลาเจนเกิดใหม่จำนวนมหาศาล ประมาณ 3 สัปดาห์จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ผิวอิ่มฟู ดูกระชับขึ้น และใช้เวลาประมาณ 3 เดือน คอลลาเจนจะฟูเต็มที่ ทำให้ผิวแข็งแรง ดูเด็กลง
ผลลัพธ์หลัง ฉีด Sculptra

ผลลัพธ์อยู่ได้นานเท่าไหร่

ผลลัพธ์หลังฉีด Sculptra จะอยู่ได้ยาวนานถึง 25 เดือน หรือมากกว่า 2 ปีเลยทีเดียว

Sculptra ฉีดตรงไหนได้บ้าง?

บริเวณที่เหมาะกับการฉีดกระตุ้นคอลลาเจน ด้วย Sculptra จะเป็นบริเวณพื้นที่ด้านข้างของใบหน้าทั้งหมด

  • ขมับ
  • แก้ม
  • กรอบหน้า
Sculptra ฉีดตรงไหนได้บ้าง?

บริเวณที่ไม่ควรฉีด Sculptra

  • หน้าผาก
  • จมูก
  • คาง
  • บริเวณที่มีการเคลื่อนไหวบ่อย เช่น รอบดวงตา รอบริมฝีปาก เป็นต้น

การดูแลหลังฉีด Sculptra

  • หลังฉีดใหม่ๆ ควรหลีกเลี่ยงการแต่งหน้า อบซาวน่า อบไอน้ำ
  • งดทาครีมบริเวณรอยเข็ม ในช่วง 24 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
  • เลี่ยงการสัมผัสแสงแดด จนกว่าอาการบวมและแดงจะหายเป็นปกติ
  • หากต้องการทำหัตถการอื่นๆ บริเวณใบหน้า แนะนำให้เว้นช่วงประมาณ 2-4 สัปดาห์
  • หลัง ฉีด Sculptra ควรนวดบริเวณที่ฉีด ด้วยเทคนิค Triple 5 Massage คือการนวดวันละ 5 ครั้ง ครั้งละ 5 นาที ติดต่อกันนาน 5 วัน เพื่อช่วยให้ยากระจายตัวได้ทั่วใบหน้า
การดูแลหลังฉีด Sculptra

FAQ คำถามยอดฮิต ของการทำ Sculptra

Sculptra ควรฉีดกี่ครั้ง? หรือฉีด Sculptra กี่ครั้งเห็นผล? เป็นคำถามที่บรรดาหมอๆ มักจะได้ยินคนไข้ถามกันบ่อยๆ อย่างไม่ต้องสงสัยเลย ซึ่งจำนวนครั้งที่หมอแนะนำ จะถูกคำนวณตามปริมาณการฉีดที่เหมาะกับอายุและปัญหาผิวของคนไข้ โดยนำอายุของคนไข้ หาร 10 จะได้ปริมาณการฉีด นับเป็นจำนวนขวด ซึ่งแต่ละครั้งที่คนไข้มารับบริการ จะฉีด Sculptra ได้ไม่เกินครั้ง 1-2 ขวด โดยเว้นการฉีดครั้งละ 4-6 สัปดาห์ เช่น คนไข้ที่มีอายุ 50 ปี จะต้องใช้ Sculptra 5 ขวด หมอจะนัดคนไข้มาฉีด 3 ครั้ง โดยฉีดครั้งละ 2-2-1 ขวดตามลำดับนั่นเอง

การดึงหน้าเป็นการทำหัตถการผ่าตัดลงลึกถึงผิวในชั้นที่ 3 หรือชั้นกล้ามเนื้อ SMAS ซึ่งอาจจะมีการจัดเรียงไขมันในชั้นที่ 2 และการตัดผิวหนังส่วนเกินในชั้นที่ 1 ร่วมด้วย ทำให้ผิวหน้าเรียบตึง ดูอ่อนเยาว์ แต่การฉีด Sculptra เป็นการทำหัตถการ เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวชั้นที่ 1 เป็นการเพิ่มความแน่น อิ่มฟูและช่วยให้คุณภาพผิวดีขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัด หากฉีด Sculptra ร่วมกับการดึงหน้า Facelift ก็จะยิ่งช่วยซัพพอร์ตโครงสร้างผิวให้มีความยึดหยุ่น แข็งแรง และยิ่งช่วยย้อนวัยผิวหน้าได้มากขึ้นกว่าการดึงหน้าเพียงอย่างเดียว

Filler (ฟิลเลอร์) เป็นสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid ที่ให้ความชุ่มชื้นผิว ช่วยให้ผิวกักเก็บน้ำได้ดี ใช้ในการเติมเต็มใบหน้า แก้ไขโครงสร้างผิวบริเวณที่มีการยุบตัว ช่วยเติมเต็มริ้วรอยร่องลึกต่างๆ และปรับรูปหน้า หลังทำทันที ผิวจะได้รับการเติมเต็มให้ดูอิ่มฟู ดูผิวเนียน ใบหน้าได้สัดส่วนขึ้น ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 9 - 12 เดือน

แตกต่างกับ Sculptra ที่เป็น Collagen Biostimulator ทำหน้าที่กระตุ้นการทำงานของแหล่งกำเนิดคอลลาเจนอย่างไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ด้วยอนุภาค Poly-L-Lactic acid (PLLA) ให้ร่างกายสามารถสร้างคอลลาเจนได้ตามธรรมชาติ แต่สร้างได้ในปริมาณมากถึง 66.5% ทำให้ผิวแน่น อิ่มฟู ลดริ้วรอย ให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ลงอย่างเป็นธรรมชาติ และในระยะยาวยังช่วยให้โครงสร้างผิวแข็งแรงขึ้นอีกด้วย โดยที่ผลลัพธ์อยู่ได้นานกว่า 2 ปี

Sculptra กับ Filler ต่างกันอย่างไร?
Sculptra กับ Filler ต่างกันอย่างไร?

Rejuran คือ โปรแกรมฟื้นฟูผิวหน้าใส ด้วยการฉีดสารสกัดเข้มข้น Polynucleotide ที่สกัดจาก DNA ปลาแซลมอน เข้าสู่ชั้นผิว ช่วยกระตุ้นให้เกิดการแบ่งตัวของเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ทำให้ร่างกายเกิดการสร้างคอลลาเจนมากขึ้น ช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวในระดับลึก แก้ปัญหาผิวเสื่อมสภาพ ปรับสมดุลผิว และช่วยกระตุ้นการสร้างกรดไฮยาลูโรนิค ให้ผิวชุ่มชื้น ผิวเนียนใส รูขุมขนเล็กลง

แตกต่างกับ Sculptra ที่ใช้อนุภาค Poly-L-Lactic acid (PLLA) ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์จากพืช ไม่มีอันตรายต่อร่างกาย ใช้ในการกระตุ้นคอลลาเจน ฟื้นฟูโครงสร้างผิวชั้นลึก ลดริ้วรอย ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ลง

การฉีด Sculptra สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นๆ ได้หลายประเภท เช่น Filler B0t0x หรือการทำ Laser ยกกระชับต่างๆ สำหรับเคสที่ต้องการทำหัตถการ เช่น Ultraformer III หรือฉีดฟิลเลอร์ หมอแนะนำลำดับการทำที่เหมาะสม ดังนี้ค่ะ

สำหรับการทำ Ultraformer III ในเคสที่มีคอลลาเจนผิวน้อย และมีความหย่อนคล้อย สามารถฉีด Sculptra ก่อน เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนผิวได้มากถึง 66.5% จากนั้นเมื่อคุณภาพผิวดีขึ้นแล้ว การทำ Ultraformer III ก็จะช่วยในการยกกระชับใบหน้าให้ได้ผลดีมากยิ่งขึ้น

หรือสำหรับเคสที่ต้องการฉีด Filler เพื่อเติมเต็มผิว หรือปรับรูปหน้า ควรทำการฉีด Filler และรอให้ฟิลเลอร์ทำงานก่อน โดยเว้นระยะห่างกันประมาณ 1 เดือน ให้ฟิลเลอร์เข้าที่ จากนั้นจึงฉีด Sculptra เพื่อเพิ่มความแน่น เนียนละเอียด และเพิ่มคุณภาพผิวให้ดีมากขึ้น

*หมอจะพิจารณาการทำหัตถการที่เหมาะสม จากการประเมินปัญหาผิวเป็นรายบุคคล

โดยปกติ สามารถฉีด Sculptra ก่อนหรือหลังทำหัตถการได้ทุกประเภท เช่น การฉีดฟิลเลอร์ ฉีดโบท็อกซ์ ร้อยไหมมิ้นท์ (Mint Lift) หรือเลเซอร์ยกกระชับต่างๆ เป็นต้น โดยเว้นระยะประมาณ 1 เดือน แต่การทำศัลยกรรม อาจต้องใช้เวลาในการเข้าที่ของรอยแผลผ่าตัด ซึ่งการทำศัลยกรรมแต่ละประเภทใช้เวลาในการเข้าที่ไม่เท่ากัน แต่สามารถฉีด Sculptra ก่อนหรือหลังผ่าตัดศัลยกรรมได้ทั้งหมด โดยไม่ส่งผลต่อกัน แต่ควรเว้นระยะไม่ต่ำกว่า 1 เดือน หรือจนกว่าแผลผ่าตัดจะเข้าที่เรียบร้อยแล้ว

ฉีดแล้วจะสลายหมดไหม? เป็นคำถามที่หลายคนที่ทำหัตถการประเภทฉีดๆ มักจะสงสัย หมอขออธิบายเลยว่าการฉีด Sculptra มีความปลอดภัยสูง และหลังฉีด Sculptra แล้ว จะสลายหมดอย่างแน่นอน เหตุผลเพราะ Sculptra เป็นการฉีดอนุภาค Poly-L-Lactic acid (PLLA) สารกระตุ้นคอลลาเจนที่สังเคราะห์มาจากพืช ที่มีความปลอดภัยต่อร่างกาย และ PLLA ยังเป็น Biostimulator ตัวแรกที่ได้รับการรับรองจาก FDA ในอเมริกา และถูกใช้ทั่วโลกกันอย่างแพร่หลาย มาตั้งแต่ปี 1999 จึงมั่นใจในความปลอดภัยได้ ที่สำคัญเมื่อฉีด Sculptra ร่างกายของเราจะเรียกเซลล์เม็ดเลือดขาว หรือแมคโครฟาจ (Macrophages) มาล้อมรอบอนุภาคของ Sculptra หลังจาก Sculptra เริ่มทำงานหลัก ในการกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวหน้าตึงกระชับ ย้อนวัยได้อย่างเต็มประสิทธิภาพแล้ว Macrophages ก็จะทำหน้าที่เป็นผู้กำจัดตัวยาให้สลายออกจากร่างกายตามธรรมชาติจนหมด ช่วยให้ตัวยาไม่เกิดการสะสมตกค้างในร่างกาย การรับบริการทำ Sculptra จึงมีความปลอดภัยสูงมาก

Sculptra เป็นสารตั้งต้นที่ทำให้ร่างกายสามารถสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ได้มากถึง 66.5% ในขณะที่ Ultraformer III ใช้ในการกระตุ้นคอลลาเจนที่ร่างกายมีอยู่เดิม ทำให้เกิดการหดตัวและเรียงตัวใหม่ ช่วยให้ผิวเกิดการยกกระชับขึ้น

กรณีที่คนไข้มีคุณภาพผิวดี งานผิวที่ค่อนข้างโอเคอยู่แล้ว สามารถใช้ Ultraformer III ในการยกกระชับได้ แต่หากคนไข้มีผิวที่แห้งกร้าน มีความหย่อนคล้อย ผิวขาดความยืดหยุ่น สามารถใช้ Sculptra ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เป็นวิธีเพิ่มคอลลาเจนผิวได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงประเมินผิว เพื่อใช้ Ultraformer III ในการเก็บรายละเอียด ให้ผิวยกกระชับมากขึ้น

Sculptra และ Gouri  อยู่ในกลุ่ม Collagen Biostimulator ที่ช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเช่นเดียวกัน แต่ Sculptra ใช้อนุภาคของ PLLA ผ่านการรับรองจากอย.ไทย และ US-FDA มีผลการวิจัยรองรับ จึงมีความปลอดภัยสูงมาก และผลหลังทำอยู่ได้นานกว่า 2 ปี 

ในขณะที่ Gouri เป็นสารประเภท PCL ผ่านการรับรองเฉพาะอย.ไทยและเกาหลี แต่ยังไม่ผ่าน US-FDA และยังไม่มีงานวิจัยรองรับ รวมถึงอาการหลังทำ Gouri อาจเกิดภาวะอักเสบแดงบริเวณที่ทำหัตถการ ทำให้ต้องรับประทานยาสเตียรอยด์ และหลังทำอยู่ได้เพียง 1 ปีเท่านั้น

Youtube

กรอกข้อมูล ปรึกษาฟรี


ปรึกษาหมอบีม