ดึงหน้ายกกระชับใบหน้า (Facelift)

ดึงหน้ายกกระชับใบหน้า (Facelift)

การดูแลปัญหาผิวหย่อนคล้อยและริ้วรอยแห่งวัยมีวิธีที่แตกต่างกันไปตามช่วงอายุ สำหรับผู้ที่อายุ 20-30 ปี ซึ่งเริ่มมีริ้วรอยตื้นๆ การรักษาแบบไม่ผ่าตัด เช่น โบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ หรือเลเซอร์ยกกระชับ มักให้ผลลัพธ์ที่ดีและตรงจุด แต่สำหรับวัย 40 ปีขึ้นไปที่ประสบปัญหาความหย่อนคล้อยและร่องลึกที่ชัดเจนขึ้น แม้จะใช้วิธีเดิมได้ แต่ผลลัพธ์อาจอยู่ไม่นานและมีค่าใช้จ่ายสูง ดังนั้น การทำ Facelift หรือศัลยกรรมดึงหน้าตึงเพื่อยกกระชับหน้า จึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะสามารถแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยได้ครอบคลุม ทั้งการยกคิ้ว หางตา ลดร่องแก้มและร่องน้ำหมาก ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ สดใส กรอบหน้าคมชัด แก้ไขปัญหาหน้าเหี่ยว และให้ผลลัพธ์ที่ถาวรกว่า โดยเป็นการผ่าตัดเล็กที่ใช้เวลาพักฟื้นน้อย ช่วยคืนความมั่นใจได้อย่างยาวนานค่ะ

การดึงหน้า หรือ Facelift คืออะไร?

การดึงหน้าตึงหรือ Facelift คือ เทคนิคยกกระชับหน้า โดยการผ่าตัดดึงหน้าในชั้นผิว SMAS (Superficial Musculo Aponeurotic System) เป็นชั้นเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อใบหน้า อยู่ใต้ชั้นไขมันผิวหนัง การดึงชั้นผิว SMAS ให้ตึงกระชับ จะช่วยให้ผิวด้านนอกถูกดึง ทำให้ผิวหน้าเต่งตึง ลดความหย่อนคล้อย ใบหน้ายกกระชับมากยิ่งขึ้น ผลลัพธ์จะดูเป็นธรรมชาติ อยู่ได้ยาวนาน โดยเทคนิคนี้ไม่ทำให้เกิดรอยแผลเป็น เพราะเป็นจัดการในชั้นผิว SMAS จึงไม่เกิดแรงตึงที่ผิวด้านนอก มีแต่ความตึงกระชับเท่านั้นที่คนไข้จะสัมผัสได้

หมอใช้เทคนิค Invisible Lock เย็บซ่อนแผล โดยซ่อนชิดไรผม หรือซ่อนในไรผม แล้วแต่กรณี คนไข้สามารถเลือกได้ และแผลชิดกับแนวกรอบใบหู หลังผ่าตัดใหม่ๆ ก็จะมองแทบไม่เห็นแผล และหลังจากแผลเข้าที่ รอยแผลจะค่อยๆ จางลง ตั้งแต่ช่วงหลังผ่าตัด 1 เดือนเป็นต้นไป จนหายสนิท ทำให้ไม่เห็นรอยแผลเลย

การเข้าที่หลังผ่าตัดดึงหน้า ด้วยเทคนิค Invisible Lock แผลหน้าไรผม และขอบใบหู

การดึงหน้ากระชับใบหน้าส่วนไหนได้บ้าง

Facelift กระชับใบหน้า ตำแหน่งไหนได้บ้าง?

การยกกระชับสามารถแก้ไขปัญหาความหย่อนคล้อยได้เกือบทุกส่วนของใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นหน้าผาก แก้ม กรามและคอ ซึ่งแต่ละส่วนจะมีเทคนิคการดึงหน้าที่แตกต่างกันไป เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสมกับปัญหาและความต้องการของแต่ละบุคคลค่ะ

ดึงหน้าผาก (Forehead Lift)

การดึงหน้าตึงบริเวณหน้าผากหรือ Forehead Lift เป็นการแก้ปัญหาหน้าผากที่มีริ้วรอยตามขวาง รอยย่นระหว่างคิ้ว และคิ้วที่ตกลงมาทำให้ดูแก่กว่าวัย การดึงหน้าส่วนนี้จะช่วยยกคิ้วให้อยู่ในตำแหน่งที่สวยงาม ลดริ้วรอยบนหน้าผาก ทำให้ดวงตาดูโปร่ง สดใส และอ่อนเยาว์ขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยแก้ไขปัญหาหนังตาบนที่หย่อนคล้อยซึ่งเป็นผลมาจากอาการคิ้วตก

ดึงใบหน้าส่วนบนและขมับ (Upper Facelift & Temporal Lift)

การดึงหน้าตึงส่วนบนหรือ Upper Facelift จะช่วยแก้ไขปัญหาบริเวณโหนกแก้ม แก้มที่หย่อนคล้อย ถุงใต้ตา และร่องลึกระหว่างแก้มกับจมูก (Nasolabial Fold) ให้กลับมาดูตื้นขึ้น การดึงหน้าส่วนนี้จะช่วยทำให้โครงหน้าส่วนบนดูเด็กลง แก้มกลับมาอิ่มเต็ม ลดถุงใต้ตา ทำให้ดวงตาดูสดใส ไม่มีร่องลึกที่ทำให้ดูอ่อนเพลียและมีอายุ ส่งผลให้ใบหน้าส่วนบนดูอ่อนเยาว์และสดใสมากขึ้น การผ่าตัดจะช่วยยกหางตาให้เฉียงขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมกับลดเลือนริ้วรอยตีนกาบริเวณหางตา ทำให้ดวงตาดูคมชัดและสดใสมากขึ้น

ดึงใบหน้าส่วนกลาง และส่วนล่าง (Middle & Lower Face Lift)

เป็นการยกกระชับที่ได้รับความนิยมสูงสุด เพื่อแก้ไขปัญหาแก้มหย่อนคล้อยได้อย่างครอบคลุม ช่วยจัดการปัญหาร่องแก้มลึก ร่องน้ำหมาก และไขมันสะสมบริเวณกระเปาะแก้ม ทำให้กรอบหน้ากลับมาคมชัด ใบหน้าส่วนกลางและล่างดูเรียบเนียนตึงกระชับ ช่วยยกมุมปากที่หย่อนคล้อย ลดร่องลึกบริเวณแก้มและปาก ทำให้เส้นกรามชัดเจนขึ้น คืนความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้าอย่างเห็นได้ชัด

ดึงคอ (Neck Lift) 

การดึงหน้าตึงบริเวณคอหรือ Neck Lift เป็นการแก้ไขปัญหาผิวคอหย่อนคล้อย เหนียงหรือไขมันใต้คาง และแถบกล้ามเนื้อคอที่เห็นเป็นเส้นชัดเจน (Platysmal Band) การดึงหน้าส่วนนี้จะช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินบริเวณใต้คาง ดึงผิวคอให้ตึงกระชับ ลดรอยย่นบริเวณคอ และปรับมุมคางให้ชัดเจน ทำให้ช่วงคอดูเรียวสวย มีมุมคางที่คมชัด ซึ่งเป็นเครื่องหมายของความอ่อนเยาว์

ปัญหาที่เหมาะกับการดึงหน้า

ปัญหาที่เหมาะกับการดึงหน้า
  • ปัญหาผิวหน้าไม่กระชับ
  • ปัญหาหนังตาและหางตาตก
  • ปัญหาแก้มหย่อนคล้อย
  • ปัญหากรอบหน้าไม่ชัด
  • ปัญหาริ้วรอยร่องลึก
  • ปัญหาร่องแก้มลึก
  • ปัญหาร่องน้ำหมากชัด
  • ปัญหาคางสองชั้น

การดึงหน้าตึง Facelift เหมาะกับใคร?

Facelift ดึงหน้าเหมาะกับใคร
  • คนที่มีภาวะหางตาตก
  • คนที่มีริ้วรอยร่องแก้ม ร่องแก้มลึก
  • คนที่มีร่องน้ำหมากชัด ทำให้ดูมีอายุ
  • คนที่มีแก้มหย่อนคล้อย หน้าไม่ได้รูป
  • คนที่มีปัญหากรอบหน้าไม่ชัด หน้าไม่เรียว
  • คนที่ต้องการแก้ไขความหย่อนคล้อยและริ้วรอยในระยะยาว

นอกจากนี้การดึงหน้าตึงหรือ Facelift ยังเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับผิวหน้าและคอแบบเชิงลึก โดยส่วนใหญ่มาจากกรรมพันธุ์ ความเปลี่ยนแปลงตามอายุ และผลข้างเคียงจากการทำหัตถการอื่น ๆ มาก่อน โดยมีรายละเอียดเพิ่มเติมดังนี้ค่ะ

  • ผู้ที่สูญเสียมวลกล้ามเนื้อและไขมันบนใบหน้า ซึ่งเป็นผลจากการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วหรือจากการออกกำลังกายอย่างหนัก ทำให้ใบหน้าดูซูบและหย่อนคล้อย การดึงหน้าจะช่วยปรับโครงสร้างใบหน้าให้มีมวลและความกระชับที่เหมาะสม ทำให้ใบหน้าดูสมดุลและสวยงามมากขึ้น
  • ผู้ที่มีกรรมพันธุ์ที่ทำให้เกิดความหย่อนคล้อยของใบหน้าเร็วกว่าปกติ ซึ่งบางคนอาจพบปัญหาความหย่อนคล้อยตั้งแต่อายุเพียง 35-40 ปี การดึงหน้าตึงจะช่วยชะลอและแก้ไขปัญหาความหย่อนคล้อยที่เกิดจากกรรมพันธุ์ได้ ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และสวยงามตามธรรมชาติ
  • ผู้ที่มีรูปหน้าที่ต้องการปรับโครงสร้าง เช่น ต้องการให้กรอบหน้าชัดเจนขึ้น มุมคางคมขึ้น หรือต้องการลดความกลมของใบหน้า การดึงหน้าจะช่วยปรับโครงสร้างใบหน้าให้มีมิติและสัดส่วนที่สวยงามขึ้น ตามความเหมาะสมกับใบหน้าของแต่ละบุคคล
  • ผู้ที่เคยทำการฉีดฟิลเลอร์หรือร้อยไหมมาแล้ว แต่ไม่ได้ผลลัพธ์ที่พึงพอใจ หรือผลลัพธ์อยู่ได้ไม่นาน เนื่องจากผิวหย่อนคล้อยมากเกินกว่าที่การฉีดฟิลเลอร์หรือร้อยไหมจะช่วยได้ การดึงหน้าตึงจะให้ผลลัพธ์ที่ถาวรและเห็นผลชัดเจนกว่า

การดึงหน้า Facelift แก้ปัญหาอะไรได้บ้าง?

Facelift ดึงหน้า และการแก้ปัญหา
  • ช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย ให้ใบหน้าตึงกระชับ ย้อนวัยผิวหน้า
  • ช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้า ให้ผิวดูเนียนขึ้น ดูอ่อนกว่าวัย
  • คืนความอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้า ทำให้หน้าดูเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติ
  • ไม่มีแผลเป็น เพราะการดึงหน้าในชั้น SMAS ช่วยให้ผิวเรียบตึง โดยไม่เกิดแรงตึงบริเวณผิวหนัง
  • ซ่อนแผลเนียนสนิท ชิดขอบไรผม หรือในไรผม และชิดขอบใบหู ทำให้มองไม่เห็นแผล
  • ไม่บวมช้ำ แผลหายไว พักฟื้นน้อย หลังทำสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
  • เป็นวิธีแก้ปัญหาหน้าย่อนคล้อยแบบระยะยาว โดยจะเห็นผลลัพธ์นาน 5-10 ปี

ทำไมต้องทำศัลยกรรมดึงหน้า 

การดึงหน้าตึงเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาความหย่อนคล้อยของใบหน้า โดยให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยาวนานกว่าการทำทรีทเมนต์หรือการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวทั่วไป ซึ่งมีเหตุผลหลายประการที่ทำให้หลายคนเลือกที่จะทำศัลยกรรมดึงหน้า

  • ให้ผลลัพธ์ที่ถาวรและเห็นผลชัดเจน เมื่อเทียบกับวิธีการอื่น ๆ เช่น การฉีดโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ หรือการร้อยไหม ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้เพียง 6 เดือนถึง 2 ปีเท่านั้น แต่การดึงหน้าตึงจะให้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานถึง 5-10 ปี
  • สามารถแก้ไขปัญหาได้หลายส่วนในคราวเดียว ทั้งการยกกระชับแก้ม ลดริ้วรอย ปรับรูปหน้า เพิ่มความชัดเจนของกรอบหน้า และลดเหนียงใต้คาง ซึ่งหากใช้วิธีอื่นอาจต้องทำหลายวิธีร่วมกัน และมีค่าใช้จ่ายสะสมที่สูงกว่าในระยะยาว
  • ช่วยเสริมความมั่นใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากความหย่อนคล้อยของใบหน้ามักทำให้หลายคนดูแก่กว่าอายุจริง หรือดูอ่อนเพลีย เหนื่อยล้า การดึงหน้าจะช่วยให้คุณกลับมามีใบหน้าที่สดใส อ่อนเยาว์ และดูมีพลัง ส่งผลต่อความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน
  • เป็นวิธีที่แก้ไขปัญหาได้ถึงรากฐาน โดยปรับโครงสร้างใบหน้าตั้งแต่ชั้นกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อ ไม่ใช่เพียงแค่การแก้ไขที่ผิวหนังชั้นนอกเท่านั้น จึงให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและดูไม่เป็นศัลยกรรม หากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

เทคนิคการดึงหน้ามีแบบไหนบ้าง

เทคนิคผ่าตัดดึงหน้า (FACELIFT)

เทคนิคผ่าตัดดึงหน้า Facelift คือ เทคนิคยกกระชับหน้าด้วยการผ่าตัดดึงหน้าตึงในชั้นผิว SMAS (Superficial Musculo Aponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อใบหน้าที่อยู่ใต้ชั้นไขมันผิวหนัง การดึงหน้าในชั้นนี้จะช่วยให้ผิวด้านนอกถูกดึงให้ตึงกระชับ ลดความหย่อนคล้อย โดยไม่ทำให้หน้าดูผิดธรรมชาติหรือตึงเกินไป เพราะการจัดการอยู่ในชั้น SMAS ไม่ได้ดึงที่ผิวหนังโดยตรง แพทย์จะใช้เทคนิค Invisible Lock เย็บซ่อนแผลชิดไรผมหรือซ่อนในไรผม และบริเวณขอบใบหู ทำให้แทบไม่เห็นรอยแผล และหลังผ่าตัด 1 เดือนเป็นต้นไป รอยแผลจะค่อย ๆ จางลงจนหายสนิท

เทคนิคส่องกล้องดึงหน้า (Endo-Face Lift)

เทคนิคส่องกล้องดึงหน้า Endo-Facelift คือ การศัลยกรรมดึงหน้าตึงผ่านการส่องกล้อง Endoscope โดยเทคนิคนี้จะเปิดแผลขนาดเล็กมากเพื่อสอดกล้องเข้าไปทำหัตถการดึงหน้า ทำให้แผลมีขนาดเล็กและมองไม่เห็นจากภายนอก จากนั้นใช้การเลาะชั้น SMAS ผ่านการส่องกล้องบริเวณแก้ม คาง และลำคอขึ้น เพื่อแก้ปัญหาร่องแก้มลึก ลดร่องน้ำหมาก แก้ไขมุมปากตก และลดเหนียง ช่วยให้ผิวหน้าตึงกระชับ ลิฟกรอบหน้าให้ชัดเจน ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น เทคนิคนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาความหย่อนคล้อยไม่มากและต้องการการฟื้นตัวที่รวดเร็ว

ขั้นตอนการผ่าตัดดึงหน้า Facelift

  1. คุณหมอวิเคราะห์และวางแผนแก้ไขปัญหาเฉพาะบุคคล
  2. ประเมินและออกแบบการยกกระชับใบหน้าของผู้รับบริการแต่ละเคสแบบตัวต่อตัว 
  3. ก่อนผ่าตัด ผู้รับบริการจะได้รับการดมยาสลบ โดยวิสัญญีแพทย์
  4. เริ่มทำการผ่าตัด โดยทำความสะอาดฆ่าเชื้อ บริเวณที่จะทำการผ่าตัด
  5. เปิดแผลบริเวณหน้าไรผม หรือในไรผม และบริเวณขอบใบหู ยกผิวหนังขึ้น แยกกับชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นผิวที่ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า โดยกรีดตามแนวโค้งของโหนกแก้มลงมาถึงด้านล่างติ่งหู 
  6. ยกกระชับลึกถึงระดับกล้ามเนื้อ พร้อมจัดการกับเอ็นยึดบริเวณใบหน้าที่หย่อนคล้อย ดึงเนื้อเยื่อหุ้มกล้ามเนื้อทั้งบริเวณส่วนบน และส่วนล่างของใบหน้าให้ตึง แล้วเย็บติดกับส่วนที่แข็งแรง 
  7. แก้ไขแนวชั้นผิว SMAS ให้ยกกระชับขึ้น โดยดึงขึ้นในทิศทางขึ้นไปตามโหนกแก้ม และตัดผิวหนังส่วนเกินออก
  8. เย็บยึดผิว โดยที่แทบไม่มีแรงตึงผิวด้านบนเลย ด้วยเทคนิคเย็บซ่อนรอยแผล Invisible Lock ซึ่งตำแหน่งแผลผ่าตัด สามารถซ่อนแผลชิดไรผม หรืออยู่ในไรผม และแผลชิดกับแนวขอบใบหู
Facelift ผ่าตัดดึงหน้า_Invisible Lockแผลเล็กซ่อน แผลเนี้ยบ พักฟื้นน้อย

ข้อดีของการดึงหน้า Facelift

  • ช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย ให้ใบหน้าตึงกระชับ ย้อนวัยผิวหน้า
  • ช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้า ให้ผิวดูเนียนขึ้น ดูอ่อนกว่าวัย
  • คืนความอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้า ทำให้หน้าดูเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติ
  • ไม่มีแผลเป็น เพราะการดึงหน้าในชั้น SMAS ช่วยให้ผิวเรียบตึง โดยไม่เกิดแรงตึงบริเวณผิวหนัง
  • ซ่อนแผลเนียนสนิท ชิดขอบไรผม หรือในไรผม และชิดขอบใบหู ทำให้มองไม่เห็นแผล
  • ไม่บวมช้ำ แผลหายไว พักฟื้นน้อย หลังทำสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
  • เป็นวิธีแก้ปัญหาหน้าย่อนคล้อยแบบระยะยาว โดยจะเห็นผลลัพธ์นาน 5-10 ปี

ดูแลตัวเองก่อนและหลังดึงหน้าอย่างไร? ช่วยให้ปลอดภัย ได้ผลดียิ่งขึ้น

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดดึงหน้า

  • นอนพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายพร้อมสำหรับการผ่าตัด
  • งดดื่มน้ำและงดทานอาหาร ตั้งแต่เที่ยงคืนในวันผ่าตัด (อย่างน้อย 8 ชั่วโมงก่อนผ่าตัด) ป้องกันการสำลักระหว่างผ่าตัด 
  • ไม่แต่งหน้าก่อนมาผ่าตัด เพราะเครื่องสำอาง อาจเพิ่มความเสี่ยงของการติดเชื้อได้ 
  • หากทานยาละลายลิ่มเลือด ให้ปรึกษาแพทย์โรคประจำตัวก่อนหยุดยา และหยุดยา 7 วัน ก่อนผ่าตัด
  • หากมีโรคประจำตัว ให้แจ้งแพทย์ก่อนเสมอ และควบคุมให้อยู่ในภาวะคงที่ 1 เดือน ก่อนผ่าตัด
  • หากมียาโรคประจำตัวที่ต้องรับประทานเป็นประจำ ในช่วงเช้าให้แจ้งแพทย์ในไลน์เลขาแพทย์ก่อน เพื่อแพทย์จะได้จัดยาช่วงเช้าให้
  • หลีกเลี่ยงการขับรถด้วยตัวเอง 24 ชั่วโมงหลังผ่าตัด หลังผ่าตัดเสร็จควรให้ญาติมารับ 
  • ถอดเครื่องประดับทั้งหมดออก ก่อนเข้ารับการผ่าตัด
  • งดใส่คอนแทคเลนส์ ก่อนเข้ารับการผ่าตัด
  • งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่ ในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด
  • งดวิตามิน และอาหารเสริม 2 สัปดาห์ ก่อนผ่าตัด
  • สังเกตอาการหลังผ่าตัดประมาณ 1-2 ชั่วโมง หากอาการปกติดีแล้ว จึงค่อยกลับบ้าน
  • เตรียมบัตรประจำตัวประชาชน หรือ Passport มาที่คลินิกในวันผ่าตัด
  • สวมเสื้อที่มีกระดุมด้านหน้า หรือเสื้อเชิ้ต เพื่อให้เกิดความสะดวกในการสวมใส่และถอดออกหลังผ่าตัด

การดูแลตัวเองหลังผ่าตัดดึงหน้า

  • หมั่นประคบเย็น ในช่วง 1 – 2 วันแรก เพื่อช่วยลดบวม
  • ระวังไม่ให้แผลโดนน้ำ หรือหากโดนน้ำ ให้ซับบริเวณแผลให้แห้ง เพื่อป้องกันภาวะแผลติดเชื้อ
  • งดออกกำลังกาย ในช่วง 2 สัปดาห์หลังผ่าตัด
  • หากมีอาการปวด สามารถรับประทานยาแก้ปวดตามอาการ และแก้อักเสบ ลดบวม ตามแพทย์แนะนำ
  • ล้างแผลวันละ 1-2 ครั้ง โดยใช้ไม้พันสำลีสะอาดชุบน้ำเกลือ นำมาเช็ดคราบเลือดบริเวณแผล
  • พยายามจัดท่านอน โดยให้ศีรษะอยู่สูง เพื่อให้ยุบบวมเร็วขึ้น
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่ ประมาณ 2 สัปดาห์หลังผ่าตัด
  • ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารรสจัด อาหารหมักดอง ไข่ อาหารทะเล ประมาณ 2 สัปดาห์
  • ควรงดสัมผัสแผลโดยตรง หรือการกระทบกับแผลแรงๆ

สรุปเกี่ยวกับการดึงหน้า

การดึงหน้าตึงเป็นวิธีการแก้ไขปัญหาความหย่อนคล้อยของใบหน้าที่ให้ผลลัพธ์ชัดเจนและยาวนาน โดยมีหลากหลายเทคนิคให้เลือกตามความเหมาะสมกับสภาพผิวและปัญหาของแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะเป็นการดึงหน้าแบบ Facelift หรือแบบส่องกล้อง Endo-Facelift ซึ่งล้วนช่วยยกกระชับใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากคุณมีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย แก้มตก ร่องแก้มลึก มุมปากตก หรือมีเหนียงใต้คาง และอยากเสริมความมั่นใจ หมอแนะนำให้เข้ามาปรึกษา เพื่อประเมินปัญหาความหย่อนคล้อยของใบหน้ากับ หมอบีม Facial Expert ต้องการผลลัพธ์แบบไหน หรือมีข้อสงสัยสอบถามผ่านช่องทางออนไลน์ได้เลยนะคะ

Reviews

No.00016

เพศ หญิง

อายุ 42 ปี

หัตถการ Endo-Brow lift , อื่นๆ

No.03214

เพศ หญิง

อายุ 70 ปี

หัตถการ Facelift (ดึงหน้า) , อื่นๆ

No.50720

เพศ หญิง

อายุ 52 ปี

หัตถการ Endo-Brow lift , อื่นๆ

No.40196

เพศ หญิง

อายุ 37 ปี

หัตถการ Endo-Brow lift , อื่นๆ

No.41731

เพศ หญิง

อายุ 45 ปี

หัตถการ Facelift (ดึงหน้า) , อื่นๆ

No.00641

เพศ หญิง

อายุ 34

หัตถการ Facelift (ดึงหน้า)

No.28770

เพศ หญิง

อายุ 55

หัตถการ Facelift (ดึงหน้า) , อื่นๆ

No.27296

เพศ หญิง

อายุ 64

หัตถการ Facelift (ดึงหน้า) , อื่นๆ

No.28003

เพศ หญิง

อายุ 50

หัตถการ Endo-Brow lift , อื่นๆ

No.00055

เพศ หญิง

อายุ 51 - 60 ปี

หัตถการ Facelift (ดึงหน้า) , อื่นๆ

FAQ

หากเปรียบกับหัตถการอื่นๆ จะเห็นได้ชัดว่าผลลัพธ์ของการดึงหน้านั้นอยู่ได้ค่อนข้างนานนะคะ ประมาณ 5-10 ปีเลยทีเดียว แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลตัวเองหลังผ่าตัดของแต่ละเคสด้วยค่ะ หมอแนะนำว่าควรดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์และเจ้าหน้าที่คลินิกอย่างเคร่งครัด จะช่วยให้ผลลัพธ์ของการผ่าตัดอยู่ได้นานขึ้นค่ะ

สามารถทำซ้ำได้ค่ะ แต่ไม่ได้ทำกันได้บ่อยๆ ขนาดนั้นนะคะ เพราะการทำ Facelift ที่ถูกต้อง จะเป็นการผ่าตัดดึงผิวในชั้น SMAS ผลลัพธ์จะอยู่ได้ยาวนาน แต่บางกรณีอาจเกิดความเข้าใจผิด เพราะหลังทำใหม่ๆ จะมีความบวมตามปกติของการผ่าตัด จากนั้นเมื่อยุบบวม ผิวจะหย่อนลงจากเดิมเล็กน้อย ประมาณ 10-20% ซึ่งเป็นภาวะปกติเช่นกัน ไม่ควรใจร้อน รีบไปดึงหน้าซ้ำอีกในตอนนั้น แต่เราอาจดูแลรักษาสภาพความตึงกระชับของผิวด้วยการทำหัตถการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ทำเลเซอร์ยกกระชับ เพื่อเก็บงานผิว หรือใส่สายรัดหน้า หรืออาจลดพฤติกรรมบางอย่างที่ทำให้ผิวไม่เรียบเนียน เช่น การนอนตะแคงข้าง เป็นต้น ช่วยให้ได้ผลลัพธ์ของการทำ Facelift ที่ดีต่อเนื่องยาวนาน 5-10 ปี ถ้าต้องการดึงหน้าซ้ำ หมอแนะนำให้เว้นระยะหลังจากดึงหน้าครั้งก่อนประมาณ 5 ปีขึ้นไปค่ะ

แม้ว่าการศัลยกรรมดึงหน้า จะเป็นการผ่าตัดเล็ก แผลเล็กจนมองแทบไม่เห็น และสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติหลังผ่าตัดก็ตาม แต่หมอยังคงแนะนำให้คนไข้ดูแลตัวเองเป็นพิเศษ และมาคลินิกตามนัดหมายเสมอ เพื่อให้แพทย์ประเมินและติดตามผลนะคะ ในช่วงหลังผ่าตัดใหม่ๆ หมอแนะนำข้อห้าม หรือพฤติกรรมที่ไม่ควรทำหลังดึงหน้า ต่อไปนี้ค่ะ

  • ปล่อยให้แผลโดนน้ำ อาจเสี่ยงติดเชื้อบริเวณแผล
  • ออกกำลังกายหนักๆ ในช่วง 2 สัปดาห์หลังผ่าตัด
  • ดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ ในช่วง 2 สัปดาห์หลังผ่าตัด
  • รับประทานอาหารรสจัด อาหารหมักดอง อาหารทะเล ไข่
  • สัมผัสแผลโดยตรง หรือกระทบกับแผลแรงๆ

การทำ Facelift ดึงหน้าที่ถูกต้อง จะไม่ทำให้เกิดรอยแผลเป็น เพราะเป็นการผ่าตัดเนื้อเยื่อในชั้นผิว SMAS เป็นการยกกระชับหน้าในผิวชั้นลึก โดยไม่ทำให้เกิดแรงตึงผิวด้านนอก จึงลดความเสี่ยงของการเกิดแผลเป็น ช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน และดูเป็นธรรมชาติ ไม่เหมือนการดึงหน้าแบบเก่า โดยเฉพาะ BEAMS plastic surgery ที่ใช้เทคนิค Invisible Lock จึงสามารถซ่อนแผลจากการผ่าตัดดึงหน้าเอาไว้ทั้งหมด ทำให้มองไม่เห็นแผล เมื่อแผลเข้าที่ รอยผ่าตัดจะจางลงจนแทบไม่เหลือรอย และไม่ทำให้เกิดแผลเป็นแน่นอนค่ะ

หลังผ่าตัดดึงหน้า (Facelift) ที่ BEAMS plastic surgery แทบไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ แต่ควรพักทำกิจกรรมที่อาจส่งผลให้เกิดการกระทบกระเทือนแผลผ่าตัด เช่น การออกกำลังกายหนักๆ ประมาณ 1-2 สัปดาห์ และในช่วง 1-3 วันแรกหลังผ่าตัด ควรหมั่นประคบเย็นรอบๆ แผล และนอนโดยใช้หมอนรองคอให้ศีรษะสูงขึ้น ในช่วง 2 สัปดาห์แรก ก็จะช่วยให้ผลลัพธ์ของการผ่าตัดออกมาสวยและปลอดภัยค่ะ

หมวดหมู่

คำค้นหา

Facebook

Youtube

Play Video

Tiktok

กรอกข้อมูล ให้เราติดต่อกลับ