
ปัญหาถุงใต้ตาที่ทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้า ไม่สดใส และดูมีอายุเกินกว่าวัย เป็นสิ่งที่หลายคนกังวลใจ แต่ทราบหรือไม่คะว่าปัญหานี้ไม่จำเป็นต้องแก้ไขด้วยการทำศัลยกรรมเสมอไป เพราะมีหลากหลายวิธีลดถุงใต้ตาแบบธรรมชาติที่สามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยตัวเองที่บ้าน ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยลดอาการบวมคล้ำ แต่ยังช่วยบำรุงผิวรอบดวงตาให้กลับมาสดใสได้อีกครั้ง บทความนี้ได้รวบรวมเทคนิคที่ได้ผลจริงมาฝากกันแล้วค่ะ
รวมวิธีลดถุงใต้ตาแบบธรรมชาติ ทำได้เองที่บ้าน
ก่อนจะตัดสินใจแก้ปัญหาด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ เรามาเริ่มต้นดูแลตัวเองจากภายในสู่ภายนอกกันก่อนค่ะ ลองนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน รับรองว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน
1. ประคบเย็น ลดบวมทันใจ
หนึ่งในวิธีที่ง่ายและรวดเร็วที่สุดคือการใช้ความเย็นเข้าช่วยค่ะ ความเย็นจะทำให้หลอดเลือดบริเวณใต้ตาหดตัวลงชั่วคราว ซึ่งช่วยลดการไหลเวียนของของเหลวและลดอาการใต้ตาบวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับการบวมเล็กน้อยในตอนเช้า การใช้ช้อนสเตนเลสที่แช่เย็นหรือเจลแพ็ควางประคบไว้ 10-15 นาทีก็ช่วยให้ดวงตาดูสดชื่นขึ้นได้
โดยเคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อผลลัพธ์ในการลดบวมที่ดีที่สุด โดยเฉพาะเมื่อมีอาการบวมค่อนข้างเยอะ คือ ต้องประคบเย็นต่อเนื่องอย่างน้อย 72 ชั่วโมง (3 วันแรก) ค่ะ โดยอาจจะประคบครั้งละ 15-20 นาทีทุกๆ 1-2 ชั่วโมง เพื่อควบคุมอาการบวมให้ยุบลงได้อย่างเต็มที่ และข้อควรระวังที่สำคัญคือ อย่าเพิ่งประคบอุ่นใน 2-3 วันแรก เพราะความร้อนจะยิ่งกระตุ้นให้หลอดเลือดขยายตัวและอาจทำให้อาการบวมแย่ลงได้ค่ะ
2. นอนให้พอและหนุนหมอนสูง
การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ใต้ตาบวมและคล้ำขึ้น เนื่องจากร่างกายจะผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) หรือฮอร์โมนความเครียดออกมามากขึ้น ซึ่งจะไปทำลายคอลลาเจนและทำให้เกิดการคั่งของของเหลวใต้ผิวหนัง ดังนั้น ควรนอนหลับให้ได้ 7-9 ชั่วโมงต่อคืน และลองปรับเทคนิคการนอนโดยใช้หมอนหนุนศีรษะให้สูงขึ้นในองศา 30-40 องศา เพื่อไม่ทำให้เกิดอาการบวมและอาศัยแรงโน้มถ่วงช่วยระบายของเหลวที่อาจสะสมอยู่รอบดวงตาในตอนกลางคืนให้ไหลเวียนได้ดีขึ้น วิธีนี้เป็นวิธีลดถุงใต้ตาแบบธรรมชาติที่ไม่ต้องลงทุนอะไรเลยค่ะ
3. ดื่มน้ำให้เพียงพอ ลดอาหารเค็ม
หลายคนอาจคิดว่าอาการตัวบวมหรือใต้ตาบวมเกิดจากการดื่มน้ำมากเกินไป แต่ความจริงแล้วเกิดจากการที่ร่างกายขาดน้ำจนต้องพยายามกักเก็บน้ำไว้ให้มากที่สุดต่างหาก การดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อย 8-10 แก้วต่อวัน จะช่วยให้ระบบไหลเวียนทำงานได้ดีและขับโซเดียมส่วนเกินออกจากร่างกาย ควบคู่ไปกับการลดปริมาณอาหารรสเค็มจัด อาหารแปรรูป และขนมขบเคี้ยวที่มีโซเดียมสูง ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดอาการบวมน้ำทั่วร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณผิวบอบบางอย่างใต้ตา
4. จัดการอาการภูมิแพ้
สำหรับคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ ไม่ว่าจะเป็นภูมิแพ้อากาศหรือผิวหนัง มักจะเผชิญกับปัญหาถุงใต้ตาและรอยคล้ำได้ง่ายกว่าคนทั่วไป เนื่องจากเมื่อร่างกายหลั่งสารฮีสตามีน (Histamine) เพื่อต่อสู้กับสารก่อภูมิแพ้ จะทำให้หลอดเลือดขยายตัวและเกิดอาการบวมคัน จนเราเผลอไปขยี้ตาบ่อยๆ ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการทำร้ายผิวรอบดวงตาโดยตรง ดังนั้น การหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้และทานยาแก้แพ้เพื่อควบคุมอาการ จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีลดถุงใต้ตาแบบธรรมชาติที่แก้ปัญหาได้จากต้นเหตุค่ะ
5. เลือกใช้สกินแคร์รอบดวงตาให้ถูกส่วนผสม
การลงทุนกับอายครีมหรือเซรั่มดีๆ สักตัวคือสิ่งจำเป็นค่ะ เพราะผิวรอบดวงตานั้นบอบบางและต้องการการดูแลเป็นพิเศษ ควรมองหาส่วนผสมที่มีคุณสมบัติช่วยลดอาการบวมและกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต เช่น
- คาเฟอีน (Caffeine) ช่วยให้หลอดเลือดหดตัว ลดอาการบวมได้อย่างรวดเร็ว
- เรตินอล (Retinol) หรือ วิตามินเอ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวแข็งแรงและกระชับขึ้น
- วิตามินซี (Vitamin C) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นเยี่ยม ช่วยให้ผิวกระจ่างใสและลดรอยคล้ำ
- เปปไทด์ (Peptides) เสริมสร้างความแข็งแรงของโครงสร้างผิว
- ไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) เติมความชุ่มชื้นให้ผิวดูอิ่มฟู
ควรใช้นิ้วนางซึ่งมีแรงกดน้อยที่สุดแตะครีมเบาๆ รอบดวงตาเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดริ้วรอยค่ะ
6. ทาครีมกันแดด ปกป้องผิวรอบดวงตา
รังสียูวีจากแสงแดดคือศัตรูตัวร้ายที่ทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในผิว ทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่นและเกิดความหย่อนคล้อยก่อนวัย ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของถุงใต้ตาที่เห็นได้ชัดขึ้น การทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50++ ขึ้นไปในทุกๆ วัน โดยไม่เว้นแม้แต่วันที่ไม่มีแดดหรือทำงานในที่ร่ม และทาให้ทั่วถึงบริเวณรอบดวงตา จึงเป็นขั้นตอนการป้องกันที่สำคัญที่สุด นอกจากนี้ การสวมแว่นกันแดดเป็นประจำเมื่อต้องอยู่กลางแจ้งก็ช่วยปกป้องผิวที่บอบบางบริเวณนี้ได้อีกชั้นหนึ่ง
7. นวดกระตุ้นการไหลเวียน ลดตาบวม
การนวดเบาๆ รอบดวงตาเป็นประจำ สามารถช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิตและน้ำเหลือง ทำให้ของเหลวที่คั่งค้างอยู่ระบายออกไปได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นวิธีลดถุงใต้ตาแบบธรรมชาติที่ช่วยผ่อนคลายได้ดีอีกด้วย โดยใช้ปลายนิ้วนางแตะอายครีมหรือออยล์เล็กน้อย แล้วนวดวนเบาๆ จากหัวตาไปยังหางตา ทั้งเปลือกตาบนและใต้ตาล่าง ทำซ้ำประมาณ 10-15 ครั้งในแต่ละวัน การนวดอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้กล้ามเนื้อรอบดวงตาแข็งแรงและผิวดูสดใสขึ้นได้ค่ะ
วิธีป้องกันถุงใต้ตาในระยะยาว
การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์บางอย่างสามารถช่วยป้องกันและชะลอการเกิดถุงใต้ตาในระยะยาวได้ค่ะ เพียงแค่เราใส่ใจดูแลตัวเองให้มากขึ้นอีกนิด ก็จะช่วยรักษาความอ่อนเยาว์รอบดวงตาไว้ได้นานขึ้น
- ควบคุมการทานอาหาร พยายามลดอาหารที่มีโซเดียมสูง เช่น อาหารแปรรูป, บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป, และขนมกรุบกรอบ แล้วหันมาทานผักใบเขียวและผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูง ซึ่งจะช่วยปรับสมดุลของเหลวในร่างกาย
- งดสูบบุหรี่และลดแอลกอฮอล์ สารพิษในบุหรี่จะเข้าไปทำลายเซลล์ผิวและคอลลาเจนอย่างรวดเร็ว ส่วนแอลกอฮอล์ก็ทำให้ร่างกายขาดน้ำได้ง่าย ซึ่งทั้งสองอย่างล้วนส่งผลเสียโดยตรงต่อผิวรอบดวงตา
- ทำความสะอาดเครื่องสำอางอย่างหมดจด การทิ้งเครื่องสำอางไว้บนใบหน้าข้ามคืน โดยเฉพาะมาสคาร่าและอายไลเนอร์ อาจทำให้เกิดการระคายเคืองและอาการบวมในตอนเช้าได้ จึงควรใช้ผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอางสำหรับดวงตาโดยเฉพาะ
- บริหารกล้ามเนื้อรอบดวงตา ลองออกกำลังกายกล้ามเนื้อรอบดวงตาง่ายๆ เช่น การกรอกตาเป็นวงกลม หรือการมองสลับซ้าย-ขวา บน-ล่าง จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงและกระตุ้นการไหลเวียนเลือดได้
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับถุงใต้ตา
ถุงใต้ตาแบบไหนที่วิธีธรรมชาติอาจไม่เห็นผล
วิธีลดถุงใต้ตาแบบธรรมชาติทั้งหมดที่กล่าวมา มักจะได้ผลดีกับ “ถุงใต้ตาเทียม” ซึ่งเกิดจากพฤติกรรม เช่น การพักผ่อนน้อย, ภูมิแพ้ หรือการบวมน้ำ แต่สำหรับ “ถุงใต้ตาแท้” ซึ่งเกิดจากปัจจัยทางพันธุกรรม, โครงสร้างกระดูกบริเวณเบ้าตาลึกหรือการที่ไขมันใต้ตาปูดนูนออกมาตามวัยร่วมกับผิวหนังที่หย่อนคล้อยอย่างถาวร การดูแลด้วยวิธีธรรมชาติอาจช่วยได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ในกรณีนี้ การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อพิจารณาการรักษาด้วยหัตถการทางการแพทย์จึงเป็นทางออกที่ตรงจุดกว่า เช่น การผ่าตัดตัดถุงใต้ตา (Lower Blepharoplasty) เพื่อนำไขมันส่วนเกินออกและตัดหนังตาส่วนที่หย่อนคล้อยทิ้งไป, การเติมไขมันหรือฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มร่องลึก, หรือการใช้เลเซอร์เพื่อกระชับผิว ซึ่งจะให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยาวนานกว่าครับ
ต้องใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะเห็นการเปลี่ยนแปลง
สำหรับการดูแลด้วยวิธีธรรมชาติ จำเป็นต้องอาศัยความสม่ำเสมอและวินัยอย่างสูง โดยทั่วไปอาจเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ได้ภายใน 2-4 สัปดาห์ เช่น อาการบวมในตอนเช้าลดลง แต่กว่าจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนในด้านความกระชับหรือความกระจ่างใส อาจต้องใช้เวลาต่อเนื่อง 3-6 เดือนขึ้นไป ทั้งนี้ ผลลัพธ์จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับสภาพผิว, วัย และวินัยในการดูแลตัวเองเป็นสำคัญ
สรุปบทความ
จะเห็นได้ว่ามีหลากหลายวิธีลดถุงใต้ตาแบบธรรมชาติที่เราสามารถเริ่มต้นทำได้ทันที ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยลดปัญหาถุงใต้ตา แต่ยังเป็นการดูแลสุขภาพโดยรวมอีกด้วย แต่หากคุณได้ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและดูแลตัวเองอย่างเต็มที่แล้วยังคงกังวลกับปัญหาถุงใต้ตาที่หย่อนคล้อย หรือใต้ตาบวมเรื้อรัง
การเข้ามาปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด BEAMS Plastic Surgery พร้อมดูแลทุกปัญหาผิวพรรณและความงามบนใบหน้า โดยหมอบีมและทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าโดยเฉพาะ เพื่อประเมินแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมและวางแผนผลลัพธ์ที่สวยงามร่วมกัน สอบถามกับหมอบีม Facial Expert ผ่านช่องทางต่างๆ มาได้เลยค่ะ