หมวดความรู้ทั่วไป

ตาหอยแครงคืออะไร รู้จักสาเหตุ อาการ และวิธีรักษาที่ได้ผล

ตาหอยแครงคืออะไร

ภาพประกอบการโฆษณาเท่านั้น

เลือกอ่านหัวข้อที่น่าสนใจ

ปัญหาที่มาจากชั้นตาหนาไม่เป็นธรรมชาติจากการทำตาสองชั้น อย่างตาหอยแครงเป็นภาวะที่สร้างความกังวลและส่งผลต่อความมั่นใจอย่างมาก อาการนี้ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อความสวยงามแต่ยังอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพตาในระยะยาว วันนี้หมอได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสาเหตุ อาการ และวิธีแก้ไขปัญหาตาหอยแครงอย่างมีประสิทธิภาพมาฝากทุกท่านค่ะ

อาการตาหอยแครงคืออะไร

ตาหอยแครง คือ ภาวะที่เกิดขึ้นหลังการผ่าตัดตาสองชั้น โดยมีลักษณะเป็นชั้นตาที่หนาผิดธรรมชาติ มีลักษณะนูนคล้ายหอยแครง เกิดจากการที่หนังตาเยอะเกินไปหรือมีการบวมที่ไม่หายไปตามปกติ ทำให้ชั้นตาดูหนาและไม่สวยงาม มักพบว่าเมื่อลืมตา ชั้นตาจะดูหนา นูน และมีหนังตาตกลงมา บางรายอาจมีใต้ตาบวมร่วมด้วย ส่งผลให้ดวงตาดูอ่อนล้า ไม่สดใส และทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย

สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดตาหอยแครง

การเกิดภาวะตาหอยแครงหลังการทำตาสองชั้นนั้นมีปัจจัยหลายอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดจากเทคนิคการผ่าตัดที่ไม่เหมาะสม หรือการประเมินโครงสร้างเปลือกตาของคนไข้ที่คลาดเคลื่อนไป ทำให้ผลลัพธ์ออกมาไม่เป็นธรรมชาติอย่างที่ควรจะเป็น สาเหตุหลักๆ ที่พบได้บ่อย มีดังนี้

การออกแบบชั้นตาที่สูงหรือใหญ่เกินไป

เมื่อแพทย์ออกแบบชั้นตาให้สูงเกินไปสำหรับโครงสร้างเบ้าตาและปริมาณผิวหนังเปลือกตาของคนไข้ หรือมีการเอาไขมันและผิวหนังส่วนเกินออกมากเกินความจำเป็น ทำให้เมื่อสร้างชั้นตาขึ้นมาใหม่ ผิวหนังบริเวณนั้นจะถูกดึงรั้งจนเกิดเป็นขอบนูนหนา มองเห็นเป็นตาหอยแครงชัดเจน โดยเฉพาะในคนที่มีหนังตาเยอะแล้วต้องการชั้นตาใหญ่ ๆ แต่การผ่าตัดไม่ได้คำนึงถึงความสมดุล

การเย็บชั้นตาที่ลึกหรือแน่นเกินไป

เทคนิคการเย็บเพื่อสร้างรอยพับของชั้นตามีความสำคัญมาก หากแพทย์เย็บกล้ามเนื้อที่ใช้ในการลืมตา (Levator palpebrae superioris muscle) กับผิวหนังเปลือกตาแน่นเกินไป หรือเย็บในตำแหน่งที่ลึกเกินไป จะทำให้เกิดรอยพับที่ดูแข็ง ไม่เป็นธรรมชาติ และเกิดเป็นลักษณะตาหอยแครงได้

การเกิดพังผืดหรือแผลเป็นนูน (Hypertrophic Scar)

หลังการผ่าตัด ร่างกายจะสร้างพังผืดขึ้นตามธรรมชาติเพื่อซ่อมแซมแผล แต่หากมีพังผืดเกิดขึ้นมากเกินไป หรือเกิดเป็นแผลเป็นนูนแข็งบริเวณรอยกรีด จะดันให้ขอบชั้นตาดูหนาและแข็งเป็นก้อน กลายเป็นตาหอยแครงได้ ปัจจัยนี้อาจเกี่ยวข้องกับสภาพผิวของแต่ละบุคคลด้วย

การบวมหลังผ่าตัดที่นานผิดปกติ

แม้ว่าอาการบวมหลังผ่าตัดเป็นเรื่องปกติ แต่หากอาการบวมคงอยู่นานเกินไป หรือมีการอักเสบติดเชื้อแทรกซ้อน อาจส่งผลให้เกิดพังผืดสะสมและทำให้ชั้นตาดูหนา ไม่ยุบลงตามปกติ จนกลายเป็นตาหอยแครงถาวรได้ ภาวะใต้ตาบวมหรือเปลือกตาบวมนานๆ จึงเป็นสัญญาณที่ต้องระวัง

เทคนิคการผ่าตัดที่ไม่เหมาะสมกับโครงสร้างตาของคนไข้

ดวงตาแต่ละคนมีลักษณะเฉพาะ เช่น บางคนมีภาวะหนังตาตกร่วมด้วย หรือมีเบ้าตาลึก การเลือกใช้เทคนิคที่ไม่สอดคล้องกับปัญหาเดิม หรือไม่แก้ไขปัญหาโครงสร้างที่มีอยู่ อาจทำให้ผลลัพธ์กลายเป็นตาหอยแครงได้ เช่น การทำตาสองชั้นโดยไม่ได้แก้ไขภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง

ผลกระทบของอาการตาหอยแครงหากไม่แก้ไข

ภาวะตาหอยแครงไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อความสวยงามเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อสุขภาพตาและคุณภาพชีวิตในระยะยาว หากไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเหมาะสม อาจเกิดผลกระทบต่างๆ ดังนี้

  • ปัญหาด้านการมองเห็น – ชั้นตาที่หนาผิดปกติอาจบดบังการมองเห็น โดยเฉพาะเมื่อมองขึ้นด้านบน ทำให้มุมมองแคบลง บางรายอาจต้องเงยหน้าขึ้นเพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจน ซึ่งในระยะยาวอาจทำให้เกิดอาการปวดคอและศีรษะได้
  • ตาแห้งและระคายเคือง – การที่เปลือกตามีลักษณะผิดปกติ ทำให้การกระพริบตาไม่สมบูรณ์ ส่งผลให้น้ำตาเคลือบผิวกระจกตาไม่ทั่วถึง เกิดภาวะตาแห้ง แสบตา และระคายเคืองได้ง่าย ในระยะยาวอาจนำไปสู่การอักเสบของเยื่อบุตาเรื้อรัง
  • ผลกระทบทางจิตใจ – ความไม่พึงพอใจในรูปลักษณ์อาจส่งผลต่อความมั่นใจและสุขภาวะทางจิตใจ ทำให้เกิดความวิตกกังวล ไม่กล้าเข้าสังคม หรือรู้สึกไม่มั่นใจเมื่อต้องพบปะผู้คน ส่งผลให้คุณภาพชีวิตลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
  • การติดเชื้อและอักเสบ – ตาหอยแครงอาจทำให้เกิดร่องหรือซอกที่สะสมความชื้นและเชื้อโรคได้ง่าย นำไปสู่การติดเชื้อซ้ำซ้อน หรือการอักเสบเรื้อรังของเปลือกตา ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพตาในระยะยาว
  • หนังตาตกเพิ่มขึ้น – เมื่อเวลาผ่านไป ภาวะตาหอยแครงอาจทำให้เกิดการหย่อนคล้อยของหนังตามากขึ้น เนื่องจากน้ำหนักของเนื้อเยื่อที่มากเกินไป ทำให้กล้ามเนื้อยกเปลือกตาทำงานหนักและอ่อนแรงลงเมื่อเวลาผ่านไป
ปัญหาที่มาจากชั้นตาหนาไม่เป็นธรรมชาติจากการทำตาสองชั้น อย่างตาหอยแครงเป็นภาวะที่สร้างความกังวลและส่งผลต่อความมั่นใจอย่างมาก อาการนี้ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อความสวยงามแต่ยังอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพตาในระยะยาว วันนี้หมอได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสาเหตุ อาการ และวิธีแก้ไขปัญหาตาหอยแครงอย่างมีประสิทธิภาพมาฝากทุกท่านค่ะ
H2 อาการตาหอยแครงคืออะไร
ตาหอยแครง คือ ภาวะที่เกิดขึ้นหลังการผ่าตัดตาสองชั้น โดยมีลักษณะเป็นชั้นตาที่หนาผิดธรรมชาติ มีลักษณะนูนคล้ายหอยแครง เกิดจากการที่หนังตาเยอะเกินไปหรือมีการบวมที่ไม่หายไปตามปกติ ทำให้ชั้นตาดูหนาและไม่สวยงาม มักพบว่าเมื่อลืมตา ชั้นตาจะดูหนา นูน และมีหนังตาตกลงมา บางรายอาจมีใต้ตาบวมร่วมด้วย ส่งผลให้ดวงตาดูอ่อนล้า ไม่สดใส และทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย
H2 สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดตาหอยแครง
การเกิดภาวะตาหอยแครงหลังการทำตาสองชั้นนั้นมีปัจจัยหลายอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดจากเทคนิคการผ่าตัดที่ไม่เหมาะสม หรือการประเมินโครงสร้างเปลือกตาของคนไข้ที่คลาดเคลื่อนไป ทำให้ผลลัพธ์ออกมาไม่เป็นธรรมชาติอย่างที่ควรจะเป็น สาเหตุหลักๆ ที่พบได้บ่อย มีดังนี้
H3 การออกแบบชั้นตาที่สูงหรือใหญ่เกินไป
เมื่อแพทย์ออกแบบชั้นตาให้สูงเกินไปสำหรับโครงสร้างเบ้าตาและปริมาณผิวหนังเปลือกตาของคนไข้ หรือมีการเอาไขมันและผิวหนังส่วนเกินออกมากเกินความจำเป็น ทำให้เมื่อสร้างชั้นตาขึ้นมาใหม่ ผิวหนังบริเวณนั้นจะถูกดึงรั้งจนเกิดเป็นขอบนูนหนา มองเห็นเป็นตาหอยแครงชัดเจน โดยเฉพาะในคนที่มีหนังตาเยอะแล้วต้องการชั้นตาใหญ่ ๆ แต่การผ่าตัดไม่ได้คำนึงถึงความสมดุล
H3 การเย็บชั้นตาที่ลึกหรือแน่นเกินไป
เทคนิคการเย็บเพื่อสร้างรอยพับของชั้นตามีความสำคัญมาก หากแพทย์เย็บกล้ามเนื้อที่ใช้ในการลืมตา (Levator palpebrae superioris muscle) กับผิวหนังเปลือกตาแน่นเกินไป หรือเย็บในตำแหน่งที่ลึกเกินไป จะทำให้เกิดรอยพับที่ดูแข็ง ไม่เป็นธรรมชาติ และเกิดเป็นลักษณะตาหอยแครงได้
H3 การเกิดพังผืดหรือแผลเป็นนูน (Hypertrophic Scar)
หลังการผ่าตัด ร่างกายจะสร้างพังผืดขึ้นตามธรรมชาติเพื่อซ่อมแซมแผล แต่หากมีพังผืดเกิดขึ้นมากเกินไป หรือเกิดเป็นแผลเป็นนูนแข็งบริเวณรอยกรีด จะดันให้ขอบชั้นตาดูหนาและแข็งเป็นก้อน กลายเป็นตาหอยแครงได้ ปัจจัยนี้อาจเกี่ยวข้องกับสภาพผิวของแต่ละบุคคลด้วย
H3 การบวมหลังผ่าตัดที่นานผิดปกติ
แม้ว่าอาการบวมหลังผ่าตัดเป็นเรื่องปกติ แต่หากอาการบวมคงอยู่นานเกินไป หรือมีการอักเสบติดเชื้อแทรกซ้อน อาจส่งผลให้เกิดพังผืดสะสมและทำให้ชั้นตาดูหนา ไม่ยุบลงตามปกติ จนกลายเป็นตาหอยแครงถาวรได้ ภาวะใต้ตาบวมหรือเปลือกตาบวมนานๆ จึงเป็นสัญญาณที่ต้องระวัง
H3 เทคนิคการผ่าตัดที่ไม่เหมาะสมกับโครงสร้างตาของคนไข้
ดวงตาแต่ละคนมีลักษณะเฉพาะ เช่น บางคนมีภาวะหนังตาตกร่วมด้วย หรือมีเบ้าตาลึก การเลือกใช้เทคนิคที่ไม่สอดคล้องกับปัญหาเดิม หรือไม่แก้ไขปัญหาโครงสร้างที่มีอยู่ อาจทำให้ผลลัพธ์กลายเป็นตาหอยแครงได้ เช่น การทำตาสองชั้นโดยไม่ได้แก้ไขภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง
H2 ผลกระทบของอาการตาหอยแครงหากไม่แก้ไข
ภาวะตาหอยแครงไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อความสวยงามเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อสุขภาพตาและคุณภาพชีวิตในระยะยาว หากไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเหมาะสม อาจเกิดผลกระทบต่างๆ ดังนี้
ปัญหาด้านการมองเห็น - ชั้นตาที่หนาผิดปกติอาจบดบังการมองเห็น โดยเฉพาะเมื่อมองขึ้นด้านบน ทำให้มุมมองแคบลง บางรายอาจต้องเงยหน้าขึ้นเพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจน ซึ่งในระยะยาวอาจทำให้เกิดอาการปวดคอและศีรษะได้
ตาแห้งและระคายเคือง - การที่เปลือกตามีลักษณะผิดปกติ ทำให้การกระพริบตาไม่สมบูรณ์ ส่งผลให้น้ำตาเคลือบผิวกระจกตาไม่ทั่วถึง เกิดภาวะตาแห้ง แสบตา และระคายเคืองได้ง่าย ในระยะยาวอาจนำไปสู่การอักเสบของเยื่อบุตาเรื้อรัง
ผลกระทบทางจิตใจ - ความไม่พึงพอใจในรูปลักษณ์อาจส่งผลต่อความมั่นใจและสุขภาวะทางจิตใจ ทำให้เกิดความวิตกกังวล ไม่กล้าเข้าสังคม หรือรู้สึกไม่มั่นใจเมื่อต้องพบปะผู้คน ส่งผลให้คุณภาพชีวิตลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
การติดเชื้อและอักเสบ - ตาหอยแครงอาจทำให้เกิดร่องหรือซอกที่สะสมความชื้นและเชื้อโรคได้ง่าย นำไปสู่การติดเชื้อซ้ำซ้อน หรือการอักเสบเรื้อรังของเปลือกตา ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพตาในระยะยาว
หนังตาตกเพิ่มขึ้น - เมื่อเวลาผ่านไป ภาวะตาหอยแครงอาจทำให้เกิดการหย่อนคล้อยของหนังตามากขึ้น เนื่องจากน้ำหนักของเนื้อเยื่อที่มากเกินไป ทำให้กล้ามเนื้อยกเปลือกตาทำงานหนักและอ่อนแรงลงเมื่อเวลาผ่านไป

ภาพประกอบการโฆษณาเท่านั้น
Alt Text : วิธีรักษาตาหอยแครงที่ตรงจุด
H2 วิธีแก้ไขอาการตาหอยแครงที่ตรงจุด
การแก้ไขภาวะตาหอยแครงจำเป็นต้องได้รับการประเมินจากศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าโดยเฉพาะ เพื่อวิเคราะห์สาเหตุที่แท้จริงและวางแผนการผ่าตัดแก้ตาสองชั้นได้อย่างเหมาะสม โดยทั่วไปวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพ มีดังนี้
H3 การผ่าตัดแก้ไข (Revision Blepharoplasty)
เป็นวิธีหลักในการรักษาตาหอยแครงศัลยแพทย์จะทำการผ่าตัดเพื่อเลาะพังผืดเดิมออก ปรับแก้ตำแหน่งและความลึกของชั้นตาเดิม ลดขนาดของชั้นตาที่หนาเกินไป อาจมีการตัดผิวหนังส่วนเกินออกเพิ่มเติม หรือในบางกรณีอาจต้องมีการย้ายไขมัน หรือปลูกถ่ายไขมัน (Fat Grafting) เพื่อเติมเต็มในส่วนที่ยุบหรือโบ๋เกินไป เพื่อให้ได้ชั้นตาใหม่ที่ดูเป็นธรรมชาติและสวยงามยิ่งขึ้น
H3 การปรับโครงสร้างชั้นตา
แพทย์อาจต้องออกแบบชั้นตาใหม่ทั้งหมด โดยอาจลดระดับความสูงของชั้นตาเดิมลง หรือเปลี่ยนเทคนิคการเย็บชั้นตา เพื่อให้เกิดรอยพับที่คมชัดแต่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อนหนาเหมือนตาหอยแครงเดิม
H3 การแก้ไขหนังตาตก (Ptosis Correction)
ในกรณีที่มีภาวะหนังตาตกร่วมด้วย อาจจำเป็นต้องทำการแก้ไขภาวะหนังตาตกโดยการปรับแต่งกล้ามเนื้อยกเปลือกตา เพื่อให้ตาดูสดใสและเปิดได้กว้างขึ้น วิธีนี้ช่วยแก้ปัญหาการมองเห็นและทำให้ดวงตาดูสมดุลมากขึ้น
H3 การจัดการกับแผลเป็น
หากสาเหตุหลักมาจากแผลเป็นนูน แพทย์อาจพิจารณาตัดแผลเป็นเดิมออกและเย็บแผลใหม่ด้วยความระมัดระวัง ร่วมกับการใช้ยาหรือเลเซอร์เพื่อลดโอกาสการเกิดแผลเป็นซ้ำ
H3 การแก้ไขภาวะแทรกซ้อนร่วมด้วย
หากมีภาวะอื่นร่วม เช่น หนังตาตกจากกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง หรือปัญหาการดึงหางตาที่ผิดรูป ก็จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขไปพร้อมกัน เพื่อให้ผลลัพธ์โดยรวมออกมาดีที่สุด
H3 การฉีดยาเพื่อลดขนาดพังผืด
ในบางกรณีที่ตาหอยแครงไม่ได้รุนแรงมาก หรือเป็นในช่วงแรกๆ ที่ยังไม่เกิดพังผืดถาวร แพทย์อาจพิจารณาฉีดยาสเตียรอยด์เพื่อลดการอักเสบและลดขนาดของพังผืด แต่วิธีนี้มักใช้เป็นส่วนเสริม หรือสำหรับเคสที่ไม่ต้องการผ่าตัดใหญ่
H2 การเตรียมตัวก่อนแก้ตาหอยแครง
ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ - เลือกแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าโดยเฉพาะ เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
งดยาและอาหารเสริมบางชนิด - หยุดรับประทานยาต้านการอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) ยาละลายลิ่มเลือด และอาหารเสริมที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดเลือดออก เช่น วิตามิน E, กิงโก บิโลบา, กระเทียม อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด
เตรียมสภาพร่างกายให้แข็งแรง - รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ก่อนการผ่าตัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์
เตรียมผู้ดูแลหลังผ่าตัด - จัดเตรียมให้มีผู้ดูแลในช่วง 1-2 วันแรกหลังการผ่าตัด เนื่องจากอาจมีอาการบวมและมองเห็นไม่ชัดเจน
เตรียมอุปกรณ์และยาที่จำเป็น - จัดเตรียมถุงน้ำแข็ง ผ้าสะอาด ยาหยอดตา และยาแก้ปวดตามที่แพทย์สั่ง เพื่อใช้ในช่วงพักฟื้น
H3 การดูแลตัวเองหลังแก้อาการตาหอยแครง
ประคบเย็น - ใช้ถุงน้ำแข็งประคบบริเวณที่ผ่าตัดในช่วง 48 ชั่วโมงแรก เพื่อลดอาการบวมและช้ำ ประคบครั้งละ 15-20 นาที ทุก 1-2 ชั่วโมง
นอนศีรษะสูง - นอนโดยให้ศีรษะอยู่สูงกว่าระดับหัวใจ เพื่อลดอาการบวมและช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น
หลีกเลี่ยงการขยี้ตา - ไม่ขยี้หรือกดบริเวณที่ผ่าตัด เพื่อป้องกันการบาดเจ็บและการติดเชื้อ
ใช้ยาตามที่แพทย์สั่ง - ใช้ยาหยอดตา ยาปฏิชีวนะ และยาแก้ปวดตามที่แพทย์กำหนดอย่างเคร่งครัด
หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ใช้แรง - งดออกกำลังกายหนัก ยกของหนัก หรือกิจกรรมที่ทำให้ความดันในตาเพิ่มขึ้น อย่างน้อย 2-4 สัปดาห์
ป้องกันแสงแดด - สวมแว่นกันแดดเมื่อต้องออกนอกบ้าน เพื่อป้องกันแสงแดดและลดการเกิดรอยแผลเป็น
พบแพทย์ตามนัด - เข้ารับการตรวจติดตามผลการรักษาตามที่แพทย์นัดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

ภาพประกอบการโฆษณาเท่านั้น
Alt Text : สรุปปัญหาตาหอยแครง
H2 สรุปบทความ
 วิธีรักษาตาหอยแครงที่ตรงจุด


ภาพประกอบการโฆษณาเท่านั้น

วิธีแก้ไขอาการตาหอยแครงที่ตรงจุด

การแก้ไขภาวะตาหอยแครงจำเป็นต้องได้รับการประเมินจากศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าโดยเฉพาะ เพื่อวิเคราะห์สาเหตุที่แท้จริงและวางแผนการผ่าตัดแก้ตาสองชั้นได้อย่างเหมาะสม โดยทั่วไปวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพ มีดังนี้

การผ่าตัดแก้ไข (Revision Blepharoplasty)

เป็นวิธีหลักในการรักษาตาหอยแครงศัลยแพทย์จะทำการผ่าตัดเพื่อเลาะพังผืดเดิมออก ปรับแก้ตำแหน่งและความลึกของชั้นตาเดิม ลดขนาดของชั้นตาที่หนาเกินไป อาจมีการตัดผิวหนังส่วนเกินออกเพิ่มเติม หรือในบางกรณีอาจต้องมีการย้ายไขมัน หรือปลูกถ่ายไขมัน (Fat Grafting) เพื่อเติมเต็มในส่วนที่ยุบหรือโบ๋เกินไป เพื่อให้ได้ชั้นตาใหม่ที่ดูเป็นธรรมชาติและสวยงามยิ่งขึ้น

การปรับโครงสร้างชั้นตา

แพทย์อาจต้องออกแบบชั้นตาใหม่ทั้งหมด โดยอาจลดระดับความสูงของชั้นตาเดิมลง หรือเปลี่ยนเทคนิคการเย็บชั้นตา เพื่อให้เกิดรอยพับที่คมชัดแต่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อนหนาเหมือนตาหอยแครงเดิม

การแก้ไขหนังตาตก (Ptosis Correction)

ในกรณีที่มีภาวะหนังตาตกร่วมด้วย อาจจำเป็นต้องทำการแก้ไขภาวะหนังตาตกโดยการปรับแต่งกล้ามเนื้อยกเปลือกตา เพื่อให้ตาดูสดใสและเปิดได้กว้างขึ้น วิธีนี้ช่วยแก้ปัญหาการมองเห็นและทำให้ดวงตาดูสมดุลมากขึ้น

การจัดการกับแผลเป็น

หากสาเหตุหลักมาจากแผลเป็นนูน แพทย์อาจพิจารณาตัดแผลเป็นเดิมออกและเย็บแผลใหม่ด้วยความระมัดระวัง ร่วมกับการใช้ยาหรือเลเซอร์เพื่อลดโอกาสการเกิดแผลเป็นซ้ำ

การแก้ไขภาวะแทรกซ้อนร่วมด้วย

หากมีภาวะอื่นร่วม เช่น หนังตาตกจากกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง หรือปัญหาการดึงหางตาที่ผิดรูป ก็จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขไปพร้อมกัน เพื่อให้ผลลัพธ์โดยรวมออกมาดีที่สุด

การฉีดยาเพื่อลดขนาดพังผืด

ในบางกรณีที่ตาหอยแครงไม่ได้รุนแรงมาก หรือเป็นในช่วงแรกๆ ที่ยังไม่เกิดพังผืดถาวร แพทย์อาจพิจารณาฉีดยาสเตียรอยด์เพื่อลดการอักเสบและลดขนาดของพังผืด แต่วิธีนี้มักใช้เป็นส่วนเสริม หรือสำหรับเคสที่ไม่ต้องการผ่าตัดใหญ่

การเตรียมตัวก่อนแก้ตาหอยแครง

  • ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ – เลือกแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าโดยเฉพาะ เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
  • งดยาและอาหารเสริมบางชนิด – หยุดรับประทานยาต้านการอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) ยาละลายลิ่มเลือด และอาหารเสริมที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดเลือดออก เช่น วิตามิน E, กิงโก บิโลบา, กระเทียม อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด
  • เตรียมสภาพร่างกายให้แข็งแรง – รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ก่อนการผ่าตัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์
  • เตรียมผู้ดูแลหลังผ่าตัด – จัดเตรียมให้มีผู้ดูแลในช่วง 1-2 วันแรกหลังการผ่าตัด เนื่องจากอาจมีอาการบวมและมองเห็นไม่ชัดเจน
  • เตรียมอุปกรณ์และยาที่จำเป็น – จัดเตรียมถุงน้ำแข็ง ผ้าสะอาด ยาหยอดตา และยาแก้ปวดตามที่แพทย์สั่ง เพื่อใช้ในช่วงพักฟื้น

การดูแลตัวเองหลังแก้อาการตาหอยแครง

  • ประคบเย็น – ใช้ถุงน้ำแข็งประคบบริเวณที่ผ่าตัดในช่วง 48 ชั่วโมงแรก เพื่อลดอาการบวมและช้ำ ประคบครั้งละ 15-20 นาที ทุก 1-2 ชั่วโมง
  • นอนศีรษะสูง – นอนโดยให้ศีรษะอยู่สูงกว่าระดับหัวใจ เพื่อลดอาการบวมและช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการขยี้ตา – ไม่ขยี้หรือกดบริเวณที่ผ่าตัด เพื่อป้องกันการบาดเจ็บและการติดเชื้อ
  • ใช้ยาตามที่แพทย์สั่ง – ใช้ยาหยอดตา ยาปฏิชีวนะ และยาแก้ปวดตามที่แพทย์กำหนดอย่างเคร่งครัด
  • หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ใช้แรง – งดออกกำลังกายหนัก ยกของหนัก หรือกิจกรรมที่ทำให้ความดันในตาเพิ่มขึ้น อย่างน้อย 2-4 สัปดาห์
  • ป้องกันแสงแดด – สวมแว่นกันแดดเมื่อต้องออกนอกบ้าน เพื่อป้องกันแสงแดดและลดการเกิดรอยแผลเป็น
  • พบแพทย์ตามนัด – เข้ารับการตรวจติดตามผลการรักษาตามที่แพทย์นัดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
สรุปปัญหาตาหอยแครง


ภาพประกอบการโฆษณาเท่านั้น

สรุปบทความ

ปัญหาตาหอยแครงแม้จะเป็นเรื่องที่น่ากังวลและส่งผลต่อความมั่นใจ แต่ก็สามารถแก้ไขให้ดีขึ้นได้ด้วยการรักษาที่ถูกวิธีจากศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การทำความเข้าใจถึงสาเหตุ อาการ และผลกระทบ จะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกแนวทางการรักษาได้อย่างถูกต้อง หากใครกำลังประสบปัญหาตาหอยแครงหรือมีความกังวลเกี่ยวกับผลลัพธ์การทำตาสองชั้นที่ผ่านมา BEAMS Plastic Surgery พร้อมดูแลทุกปัญหาเกี่ยวกับดวงตาและศัลยกรรมตกแต่งใบหน้า โดยหมอบีมและทีมงานผู้เชี่ยวชาญ สามารถเข้ามาปรึกษาเพื่อประเมินและวางแผนแนวทางการแก้ไขร่วมกัน เพื่อผลลัพธ์ดวงตาที่สวยงามเป็นธรรมชาติ สอบถามกับหมอบีม Facial Expert ผ่านช่องทางต่าง ๆ ของคลินิกได้เลยค่ะ

บทความโดย : พญ.คุณาภรณ์ ตั้งธนะวัฒน์ (หมอบีม)

ศัลยแพทย์ตกแต่งใบหน้าเฉพาะทาง

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

กรอกข้อมูล ให้เราติดต่อกลับ

Becoming Your Best Self

เข้าใจทุกความกังวลและปัญหาผิวพรรณของคุณ
ด้วยการรักษาที่ออกแบบเฉพาะบุคคล